ไฟนอลเสียทีกับมาตรการกรมสรรพากรให้ลูกค้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารพาณิชย์ต้องเปิดเผยข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากกับกรมสรรพากรเพื่อยกเว้นภาษีจากดอกเบี้ยออมทรัพย์ 15%
สรุปแล้วได้ความดังนี้
ถ้าผู้มีบัญชีเงินฝากต้องการขอยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก 15%
ลูกค้าธนาคารไม่ต้องทำยื่นเอกสารอะไรธนาคารจะส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไปที่กรมสรรพากร
กรณี
ดอกเบี้ยเงินฝากทุกธนาคารรวมกันเกิน 20,000 บาท
กรมสรรพากรแจ้งกับทุกธนาคารเพื่อให้หักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
ดอกเบี้ยไม่เกินไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
ซึ่งการที่หักดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ 15% ในกรณีที่ดอกเบี้ยเกิน 20,000 บาท ผู้ที่ไม่มีเงินได้อื่นๆ สามารถนำ มายื่นแบบฟอร์มขอคืนภาษีตอนยื่นแบบภาษีประจำปีได้
ไม่ต้องการให้ธนาคารส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไปยังกรมสรรพากร
ลูกค้าธนาคารจะต้องกรอกแบบฟอร์มยื่นความประสงค์ไม่ขอรับสิทธิ์ลดหย่อนเพื่อแลกกับการไม่ให้ธนาคารส่ง ข้อมูลดอกเบี้ยมายังกรมสรรพากร
การแสดงความประสงค์นี้จะต้องกรอกข้อมูลที่ธนาคารก่อนวันที่ 14 พ.ค. 2562 เพื่อมีผลตั้งแต่รอบภาษีดอกเบี้ยจ่ายมิถุนายน 2562
ซึ่งการกรอกข้อมูลขอยื่นความประสงค์ไม่รับสิทธิ์ลดหย่อนเป็นการแจ้งครั้งเดียวมีผลตลอดไป
และธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% นับตั้งแต่ดอกเบี้ยบาทแรกแม้บุคคลนั้นจะมีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาทก็ตาม
และเมื่อปลายปีกรมสรรพากรจะสามารถทราบดอกเบี้ยเงินฝากของแต่ละบุคคลได้จาก ภงด.2 ที่ธนาคารแจ้งหัก ภาษี ณ ที่จ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล มายังกรมสรรพากรที่ธนาคารต้องทำส่งกรมสรรพากรในทุกๆ ปลายปี
ซึ่งเท่ากับว่ากรมสรรพากรได้ข้อมูลของผู้เสียภาษีของแต่ละบุคคลอยู่ดี
ทั้งนี้ การหักภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์ 15% ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด
เพราะเป็นกฎหมายเดิมที่กรมสรรพากรให้ธนาคารหักภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์ ณ ที่จ่าย 15% อยู่แล้ว
แต่นับตั้งแต่ปี 2538 กรมสรรพากรได้ยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้กับผู้ที่มีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท
และกฎหมายปี 2538 ได้ระบุว่าผู้ที่มีดอกเบี้ยออมทรัพย์รวมกันทุกบัญชีเกิน 20,000 บาทจะต้องแจ้งกับกรมสรรพากรเพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
และถ้าผู้มีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทุกบัญชีเกิน 20,000 บาท และไม่แจ้งกรมสรรพากร
กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลที่ธนาคารจะต้องส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารไปที่กรมสรรพากรพื้นที่ในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ในทุกสิ้นปี
เพื่อให้กรมสรรพากรพื้นที่นำข้อมูลที่ได้มากรอกเป็นข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของแต่ละธนาคารมารวมกันเพื่อดูว่าบุคคลไหนมีดอกเบี้ยเงินฝากรวมกันเกิน 20,000 บาท และนำดอกเบี้ยนั้นมาคิดภาษีรวมกับฐานรายได้ในอัตราเก็บภาษีแบบก้าวหน้า
ซึ่งทำให้ผู้ที่มีฐานภาษีสูงต้องจ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น
และการเก็บภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์สรรพากรจะไม่นำมารวมกับดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เช่นกัน
ยกเว้นบัญชีเงินฝากประจำที่ยกเว้นภาษี
และลูกค้าสามารถนำภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่หัก ณ ที่จ่าย 15% ไปขอคืนภาษีได้เช่นกัน ในกรณีที่รายได้อื่นๆ รวมกันเข้าข่ายยกเว้นภาษี
________
Marketeer FYI
กรมสรรพากรมีรายได้จากภาษีดอกเบี้ยเงินฝากทั้งหมด (รวมประจำและออมทรัพย์) มากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
ส่วนภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ถือว่าเป็นรายได้ที่ไม่สูงมากนัก เพราะลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์จำนวน 80 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่แล้วจะมีดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 20,000 บาท
ด้วยเหตุผล บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ให้ดอกต่ำไม่คุ้มกับการฝากเงินค้างอยู่ในบัญชีจำนวนมากๆ
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ