มีแนวโน้มว่าชาวต่างชาติจะเข้าสู่ตลาดแรงงานของญี่ปุ่นที่กำลังประสบวิกฤตมากขึ้น โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นเผยว่าเมื่อปี 2018 จำนวนนักศึกษาต่างชาติในญี่ปุ่นที่ยื่นขอ Visa ทำงานหลังจบการศึกษา มีมากถึง 25,942 คน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหากเทียบกับปี 2017 ซึ่งยังอยู่ที่เพียง 3,523 คนเท่านั้น และเกือบทั้งหมดเป็นนักศึกษาชาวเอเชีย
รายงานเดียวกันยังระบุด้วยว่า นักศึกษาจีนคือชาติที่ขอเปลี่ยน Visa เป็น Visa ทำงานมากสุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 42% โดยมีนักศึกษาเวียดนามและเนปาล ตามมาในอันดับ 2 และ 3 ส่วนกลุ่มงานที่นักศึกษาชาวต่างชาติญี่ปุ่นยื่นขอ Visa อยู่ต่อมากสุด คือภาคบริการ เช่น งานในร้านอาหาร และนักบัญชี รวมถึงวิศวกร
ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นมีการเปิดเผยออกมาท่ามกลางปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศ เพราะอัตราการเกิดต่ำแต่ประชาสูงวัยกลับเพิ่มขึ้น จนเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องแก้กฎหมายที่เอื้อให้ชาวต่างชาติทำงานในประเทศได้มากขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว
ขณะที่สหพันธ์สหภาพแรงงานญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่สุดของประเทศได้ร่วมแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเสนอให้บริษัทที่เป็นสมาชิกเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจากชั่วโมงละ 901 เยน (ราว 251 บาท) ตามอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศในปัจจุบัน เป็น 1,100 เยน (ราว 306 บาท)
สำหรับปัญหาขาดแคลนแรงงาน เริ่มส่งผลต่อบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น จนต้องลดเวลาเปิดทำการ โดยตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป 7-Eleven 8 สาขาจะไม่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง และปีหน้าจะเพิ่มอีกเป็น 200 สาขาทั่วประเทศ ส่วน Family Mart ได้เริ่มทดลองลดเวลาเปิดทำการของร้านบางส่วนแล้ว ขณะที่ Lawson ปิด 100 สาขาช่วงกลางคืนแล้ว
ทั้งนี้ ทางการญี่ปุ่นคาดว่าหากปัญหาขาดแคลนแรงงานยังไม่ทุเลาลง เมื่อถึงปี 2040 คนวัยทำงานในประเทศจะลดลงไปอีก 20% จนต้องผลักดันผู้หญิง คนสูงอายุ และชาวต่างชาติเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น /japantoday, kyodo
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ