เป็นอีกหนึ่ง movement ที่น่าจับตาในวงการสตาร์ทอัพและการเงิน หลังจากเห็น “ชัชวาล เจียรวนนท์” จับมือกับ “ตฤบดี อรุณานนท์ชัย” อดีตนักการเงินและผู้ประกอบการสายเทคโนโลยี เพื่อปั้นสตาร์ทอัพฟินเทคที่มีชื่อว่า “Lightnet”
แค่การระดมทุนรอบแรก (Series A) Lightnet ก็ได้รับเงินจากการระดมทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท และเป็นบริษัทด้าน Blockchain แห่งเดียวในเอเชียที่ได้รับเงินทุนจากเครือบริษัทในกลุ่ม Fortune500 ถึง 2 บริษัท
กลุ่มนักลงทุนของ Lightnet ไม่ว่าจะเป็น
– UOB Venture Management and Hanwha Investment and Securities, บริษัท Seven Bank จากกลุ่มบริษัท Seven & I Holdings ผู้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-11 ทั้งหมดในญี่ปุ่นและร้านสะดวกซื้ออีก 69,2000 ร้านทั่วโลก
– บริษัท Uni-President Asset Holdings บริษัทด้านการลงทุนของ Uni-President Enterprises Corp., ผู้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-11 และ Starbucks ในไต้หวัน จีน และฟิลิปปินส์
– บริษัท Hashkey Capital บริษัทด้านการลงทุนของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์และการเงินอย่าง Wanxian Group ในประเทศจีน
โดย Lightnet เป็นระบบการเงินเทคโนโลยี Blockchain บนเครือข่ายระบบปฏิบัติการจากอเมริกาในนาม Stellar Network ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์
เพราะเป้าหมายของสตาร์ทอัพรายนี้คือเป็น ‘ศูนย์กลางการเงิน’ แห่งใหม่ของเอเชีย
แก่นคือปฏิรูปตลาดการส่งเงินข้ามประเทศ (Cross-Border Remittance Market) ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานบริษัท Lightnet ตั้งใจให้บริษัทนี้เริ่มต้นจากแรงงานข้ามชาติกว่า 11 ล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินของธนาคาร เนื่องจากระบบการเงินแบบเดิมมีต้นทุนสูง ล้าสมัยและไม่ปลอดภัย
ตลาดแรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบริการจากกลุ่มนี้มีมูลค่าถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์
ตฤบดี อรุณานนท์ชัย ผู้ก่อตั้งและรองประธานบริษัท Lightnet ตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจะมีธุรกรรมการเงินกว่า 50,000 ล้านบาท ผ่าน 3 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่
BridgeNet แพลตฟอร์มใช้ส่งข้อมูลสำหรับ Money Transfer Operator (MTOs) ในการทำงานร่วมกันระหว่างธนาคารและเครือข่ายตัวแทนผู้ให้บริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธนาคาร
LiquidNet ระบบการส่งเงินต้นทุนต่ำ
Smartnet เพิ่มขีดจำกัดของธุรกรรมระบบการเงินแบบเดิมๆ โดย Lightnet จะมีเครื่องมือให้แก่ธุรกิจเพื่อแก้ไข Smart Contract ทางการเงิน
แม้ปัจจุบันจะยังไม่เริ่มธุรกิจอย่างเต็มตัว แต่ด้วยเครือข่ายพันธมิตรทั้งหมดก็ทำให้ Lightnet สามารถเข้าถึง ‘กลุ่มเป้าหมาย’ ได้แล้วกว่า 5 แสนราย
โดยเฉพาะพาร์ตเนอร์ด้านการเงินทั้ง 4 คือ Yeahka (แพลตฟอร์มให้บริการชำระเงินในจีน) Ksher (e-Wallet) MoneyGram (บริษัทขนส่งเงินสัญชาติอเมริกัน มีศูนย์ให้บริการกว่า 347,000 แห่งทั่วโลก) และ SevenBank (ธนาคารญี่ปุ่นที่มีตู้เอทีเอ็มกว่า 25,000 แห่งทั่วโลก)
นอกจากนี้ Lightnet ยังมีแผนที่จะเปิดตัวบนเครือข่ายพันธมิตรหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยคาดว่าในอนาคตจะมีลูกค้าเป้าหมายถึง 4 พันล้านคนทั่วทั้งเอเชีย
ถือเป็นก้าวแรกของฟินเทคระดับทวีปฝีมือคนไทยที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง และไม่แน่ว่าหากเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เรียกได้ว่าโลกการเงินจะถูก disrupt และเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
และ Lightnet จะกลายเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทยก็เป็นได้
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ