ส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม 2563 ใครครอง ? พร้อมวิเคราะห์กลยุทธ์แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่หันมาลุยตลาดน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล
ปีที่ผ่านมาตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่า 56,000 ล้านบาท เติบโต 12% โดยในตลาดน้ำอัดลมนี้ “ตลาดน้ำดำ” โตที่สุด
แม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ตลาดน้ำอัดลมแบบปราศจากน้ำตาลกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เมื่อทั้งเป๊ปซี่และโค้กต่างออกรสชาติใหม่มากระตุ้นตลาด
เป๊ปซี่ ส่งเป๊ปซี่ แมกซ์เทสต์กลิ่นครีมโซดา ที่กลิ่นเหมือนน้ำเขียว
ส่วนโค้ก ก็เพิ่งส่งโค้กแบบไม่มีน้ำตาลกลิ่นออเร้นจ์ ออกมาเช่นกัน
ส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม
น้ำอัดลมสีดำ 71%
น้ำอัดลมสี 23%
น้ำอัดลมใสไม่มีสี 6%
ในตลาดน้ำดำ แม้กลุ่มน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลจะมีสัดส่วนไม่มากราว 5-10% แต่เติบโตแบบน่าสนใจ
ปี 2559 : 980 ล้านบาท
ปี2560 : 1,180 ล้านบาท
ปี 2561 : 1,800 ล้านบาท
อ่าน: ปี 2020 เป๊ปซี่จะเดินเกมอย่างไรในตลาดน้ำอัดลม 5.6 หมื่นล้าน
แล้วเพราะอะไรยักษ์น้ำอัดลมเหล่านี้ถึงเลือกที่จะออกรสชาติใหม่ในเซกเมนต์น้ำอัดลม (น้ำดำ) ปราศจากน้ำตาลนี้
Marketeer มองว่า
1. กระตุ้นตลาด ปีนี้การทำแคมเปญกระตุ้นตลาดไม่ว่าจะเป็นการจัดอีเวนต์ การเดินสายโปรโมตลงไปตามพื้นที่ การทำมิวสิกมาร์เก็ตติ้ง หรือที่เคยทำอาจจะไม่เหมือนอย่างเคย
เพราะเหตุการณ์อย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทุกส่วน
ทำให้ทั้งโค้กและเป๊ปซี่ เลือกที่จะออกรสชาติใหม่แล้ววางขายแบบดื้อ ๆ
เพราะหากสังเกตเราแทบจะไม่เห็นการโปรโมต หรือโฆษณาน้ำอัดลมรสชาติใหม่ผ่านช่องทางอย่างทีวี สื่อนอกบ้าน หรือบิลบอร์ดเหมือนเคย
แต่ทั้งโค้กและเป๊ปซี่ใช้การตลาดอย่างแยบยล คือ การตลาดแบบ “ปากต่อปาก” ที่ให้ผู้บริโภคสังเกตเห็นเอง และบอกต่อกันผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งนับเป็นการตลาดที่ทรงพลังมากที่สุด
2. Seasonal ของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทุก ๆ ปีในช่วง “ซัมเมอร์” ที่เป็นช่วงเวลาทองของตลาดน้ำอัดลม แต่ละแบรนด์ก็จะใช้ช่วงเวลานี้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา แม้ในปีนี้จะเลยมาที่ช่วงต้นฤดูฝนก็ตาม
เพราะผู้บริโภคเลือกดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความสดชื่น ดับกระหาย ตลาดหน้าร้อนจึงเป็นช่วงที่สร้างยอดขายได้มากที่สุด
รวมทั้งเมื่อมีแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกมาเมื่อไร เราก็มักจะเห็นอีกแบรนด์ออกรสชาติใหม่ในเวลาที่ใกล้เคียงกันเสมอ
ทั้งสองแบรนด์จึงเลือกปล่อยเครื่องดื่มรสชาติใหม่ออกมา โดยเลือกเป็นน้ำอัดลม (น้ำดำ) ปราศจากน้ำตาล ที่สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค
อ่าน: ศึกแคมเปญน้ำอัดลม ซัมเมอร์ปีนี้ เกือบ(ไม่)ซ่า
3. พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ยังต้องการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลมให้ชื่นใจ
การเลือกดื่มเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลประเภทน้ำอัดลม จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดูเวิร์กที่สุด ส่งผลให้ตลาดน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลเติบโตอย่างน่าสนใจ และโตขึ้นเรื่อย ๆ
4. การแข่งขันกันระหว่างแบรนด์ แต่ละแบรนด์ย่อมไม่ต้องการให้รายได้ที่เข้าทั้งกระเป๋าซ้ายและกระเป๋าขวาออกไปอยู่กับคู่แข่งอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาแข่งกันเองในแบรนด์เดียวกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะถึงจะมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะซื้อรสชาติไหนก็ยังเข้ากระเป๋าตัวเองอยู่ดี
5. เรื่องของภาษีน้ำตาลที่ผู้ผลิตจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นหากเครื่องดื่มของตัวเองมีปริมาณน้ำตาลเกินกำหนด ทำให้แบรนด์อาจจะต้องปรับขึ้นราคา เปลี่ยนไปใช้สารให้ความหวานแทน หรือลดขนาดไซส์ให้เล็กลง
แต่อีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การออกเครื่องดื่มที่ทั้งตอบโจทย์ผู้บริโภค และตอบโจทย์ของบริษัทที่ไม่ต้องมีต้นทุนการผลิตต่อขวด ต่อกระป๋องเพิ่มมากขึ้นนั่นคือ การออกผลิตภัณฑ์ “เครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล” นั่นเอง
ตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่าเท่าไร
ปี2559 : 51,500 ล้านบาท
ปี 2560 : 50,000 ล้านบาท
ปี 2561 : 50,900 ล้านบาท
และปี 2562 : 56,000 ล้านบาท
อ้างอิง- Marketeer รวบรวม, เป๊ปซี่
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ