เรื่องโดย : พลวัตร โพธิ์เพิ่มเหม
“Empty Tasty” ร้านไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟย่านอารีย์อีกตัวอย่าง ของกลุ่ม SME ที่ใช้โอกาสและเป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองและประสบความสำเร็จในขณะที่อายุยังน้อยอยู่
จากจุดเริ่มต้นด้วยการฝากให้เพื่อนที่เดินทางไปญี่ปุ่นช่วยขนขนมจากญี่ปุ่นกลับมาแล้วเอามาขายบนช่องทางของ Facebook ช่วงที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย จนวันนี้ วชิร ละอองเทพ หรือ “ปอนด์” อายุ 24 ปี ได้กลายมาเป็นเจ้าของ “Empty Tasty” ร้านไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟย่านอารีย์ ที่แม้ว่าร้านจะเล็กๆ แต่ก็ได้บรรยกาศอบอุ่นไปอีกแบบ แถมลูกค้าก็เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย
ซึ่งเสน่ห์ของร้านก็ทำให้ Marketeer เกิดความรู้สึกสนใจ และอยากจะค้นหาที่มาที่ไปของร้านไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟสุดสร้างสรรค์แห่งนี้
ทำไมต้องเป็นร้าน ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ?
“ปกติเป็นคนชอบทานไอศกรีมอยู่แล้ว ซึ่งไอศกรีม ที่เราทานก็จะมีหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น เจลาโต้, ซอฟท์เสิร์ฟ, สกู๊ป หรือจะเป็น hard serve มันมีหลายอย่างมาก เวลาเราไปต่างประเทศเราจะเห็นไอศกรีมหลายรูปแบบ
ซึ่งเราเนี่ย เป็นคนชอบทานไอศกรีมทุกชนิดเลย ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเปิดร้านไอศกรีม อันนี้เป็นแรงบันดาลใจที่จะเปิดร้าน ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะเปิดเป็นร้าน ไอศกรีมรูปแบบไหน แต่ว่าแรกสุดมองว่า ทำเลที่เราจะเปิดเนี่ยจะอยู่ตรงไหน ปกติมีที่พักอยู่ที่อารีย์อยู่แล้ว ซึ่งผมก็เคยทำธุรกิจร้านโรตีที่อารีย์มาก่อน แล้วก็มองว่าที่โซนอารีย์มีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ แต่ว่ามีจุดด้อยอยู่อย่างซึ่งนั่นคือ สิ่งที่เราต้องการจะขายยังไม่มี ซึ่งเป็นจุดด้อยของโซนอารีย์แต่ก็ทำให้เป็นจุดเด่นของร้านเราซึ่งก็คือ ไอศกรีม
ซึ่งร้านของเราก็เป็นคาเฟ่เล็กๆ เพื่อตอบสนองตัวเราเองทึ่เป็นคนอารีย์อยู่แล้ว ตอนแรกที่เปิดก็แค่อยากตอบสนองตัวเอง คืออยากเปิดคาเฟ่เล็กๆ เป็นร้านไอศกรีม ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นร้าน ไอศกรีม รูปแบบไหน ตัวเราเอง เราชอบแบบ ซอฟท์เสิร์ฟอยู่แล้ว เพราะ ซอฟท์เสิร์ฟ มันเป็น ไอศกรีม ที่แตกต่างจากรูปแบบอื่น เพราะเป็นไอศกรีมที่ไม่แข็ง ซึ่งไอศกรีมของเรานั้นก็เป็นแบบ ไอศกรีม ที่ low fat และวัตถุดิบที่เราใช้มันจะแตกต่างกับไอศกรีมแบบ hard serve ซึ่ง ซอฟท์เสิร์ฟนั้นจะดีต่อสุขภาพ และช่วงที่ผ่านมา trend สุขภาพนั้นกำลังมา เราก็เลยเลือกตัวซอฟท์เสิร์ฟมาทำเป็นร้านไอศกรีมของเรา”
จุดเด่นของร้าน Empty Tasty นั้นคืออะไร?
“จุดเด่นของร้านเรานั้นก็คือ จะเป็นไอศกรีมที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วัตถุดิบ, ตัวเครื่องไอศกรีม เรานำเข้ามาจากประเทศ อิตาลี หมดเลย ซึ่งต้นทุนจะสูงมาก แต่เพราะเราต้องการนำสิ่งที่ดี มาตอบสนองให้คนไทยได้รู้จัก โดยที่เรายอมแบกต้นทุนเหล่านี้ เพื่อที่จะตอบสนองสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า นี่คือที่มาของจุดเด่นของร้านเรา และด้วยตัว menu นั้น เราทำการคิดขึ้นมาเองจากความคิดของพวกเรา ที่เราไม่ได้ลอกเลียนแบบใครมา
ซึ่งถ้าเป็นร้านซอฟท์เสิร์ฟทั่วไป เวลาขายก็จะขายเป็นถ้วย topping ใส่ ซึ่งบางร้านมี topping ให้หรือบางร้านก็ไม่มีให้เลย แต่ร้านของ Empty Tasty เราสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งแต่ละเมนูนั้นจะมีความแตกต่างให้เมนูของร้านเรา ไม่เหมือนคนอื่น
อย่างเช่นตัวแรกคือตัว ฝอยทอง กับ Nutella ซึ่งเป็นเมนูที่ไม่มีใครเคยคิดเลย และก็ไม่มีใครคาดถึงว่ารสชาติไอศกรีมตัวนี้รสชาติจะเข้ากันดี ซึ่งเราจะรู้ว่าของหวานแต่ละประเภทอะไรน่าสนใจ เพราะตัวผมเองก็ชอบทานของหวานอยู่แล้ว โดยที่เราต้องการนำการ ผสมผสาน ของ ไอศกรีม และของหวานอย่าง Nutella ซึ่งเป็นของหวานยอดฮิต แล้วเราก็เอาผสมกับตัวฝอยทอง ซึ่งเราต้องการจะเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คนรู้จักแล้วนำมา ผสมกันให้เกิด signature เมนูของร้านเรานั่นก็คือไอศกรีมฝอยทอง Nutella ซึ่งเมนูนี้เราได้นำมาประดิษฐ์คิดค้นมา”
นอกจากนั้นแล้ว ร้าน Empty Tasty เองก็มีช่องทางที่จะสื่อสารผ่านทาง Social Media อาทิ Facebook, Instragram เป็นต้น โดยที่ทางคุณปอนด์เองก็ได้เน้นย้ำของความสำเร็จของร้านให้กับการทำการตลาดผ่านช่องทาง social media
“ยุคนี้เราต้องยอมรับว่ามันเป็นยุคใหม่ ซึ่งการทำ digital marketing นั้นถือว่าสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจในขณะนี้ ซึ่งข้อดีของ digital marketing ของตอนนี้คือ ประหยัดงบประมาณและก็เข้าถึงคนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งร้านของเราโชคดีคือ target หลักของเรา ตรงกับกลุ่มที่เป็นกลุ่มที่ใช้ social media และเสพสื่อออนไลน์มากที่สุด มันทำให้เราเข้าถึงกลุ่มคนประเภทนี้ได้มาก และก็สามารถประหยัดงบประมาณได้มาก”
ซึ่งไอเดียการโฆษณาร้านไอศกรีมและการทำโปรโมชั่นของร้านก็ล้วนผ่านจากความคิดของเจ้าของและทีมงานของร้าน Empty Tasty
“สิ่งที่เราทำออกมานั้นล้วนกลั่นออกมาจากตัวของร้าน Empty Tasty เองการวางแผนการตลาดของร้านเรานั้น เราก็จะมีทีมงาน คอยคิดแผนโปรโมชั่น เขียนแผนการตลาด และก็คอยดูสถานการณ์ของร้านและบ้านเมือง แล้วก็นำมาใช้ให้ถูกเวลาถูกกาละเทศะ ซึ่งทำให้เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งการทำการตลาดของเรานั้น เราจะเน้นไปที่ไอเดียมากกว่างบประมาณ”
ขณะเดียวกัน ร้าน Empty Tasty ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย หลังจากที่ทางร้านได้มีโอกาสไปออกบูธที่งาน Fried & Grilled ซึ่งจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้ร้าน Empty Tasty ขยายสาขาให้มากขึ้น
“เรามีแผนจะขยายร้าน โดยการทำแฟรนไชส์ ซึ่งเราเคยได้ลองไปออกบู๊ทที่ สยามพารากอน ซึ่งผลการตอบรับก็ออกมาดีมาก ซึ่งทำให้เราเห็นว่ามีความต้องการของไอศกรีมเราค่อนข้างมาก
ในส่วนของการขยายสาขานั้น เราก็มีแผนที่จะไปวางสาขาไว้ที่ สามสาขาในหัวเมืองของกรุงเทพ ซึ่งเรามองว่าเราอยากไปเปิดตามหัวเมืองของจังหวัดซึ่งนั่นก็คือที่ห้างสรรพสินค้า เมกะ บางนา ซึ่งจะได้คนทางฝั่งสมุทรปราการ สาขาที่สองก็จะเป็นห้างสรรพสินค้า ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ซึ่งเรามองว่าห้างสรรพสินค้า ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต นั้นเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในระแวกนั้น และก็จะได้ลูกค้าทางฝั่งของจังหวัดปทุมธานี อีกที่เราสนใจก็จะเป็นที่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล Westgate ซึ่งจะเป็นส่วนของนนทบุรี”
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ