ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปี 2566 โตแค่ไหน เมื่อไทยบริโภคเป็นอันดับ 9 ของโลก
ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปีที่ผ่านมาเติบโต 14% ด้วยมูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นบะหมี่เหลือง 94% และอื่นๆ 6%
และมาม่ายังคงมีส่วนแบ่ง 49% เกือบครึ่งของตลาดรวม รองลงมาได้แก่ ยำยำ 21.4% และที่เหลือ29.6% แบรนด์ไวไวและอื่นๆ
การเติบโตของมูลค่า ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนหนึ่งมาจากการปรับขึ้นราคาขายของแบรนด์ต่างๆ รวมถึงไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากขึ้น
ในปีที่ผ่านมาข้อมูลจาก World Instant Noodles Association พบว่าไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปริมาณ 3,870 ล้านเสิร์ฟ เป็นอันดับ 9 ของโลก รองจากเกาหลีใต้
เป็นการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ไทยมีการบริโภค 3,630 ล้านเสิร์ฟ
และเมื่อคิดเป็นจำนวนการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยต่อประชากรในปีที่ผ่านมาคนไทย 1 คน บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 55 เสิร์ฟ ในปีที่ผ่านมา เป็นอันดับสามของโลก
อันดับหนึ่งได้แก่เวียดนาม 85 เสิร์ฟ ต่อคนต่อปี
อันดับสองเกาหลีใต้ 77 เสิร์ฟ ต่อคนต่อปี
ส่วนในปีนี้ยังไม่มีตัวเลขคาดการณ์เติบโตที่แน่ชัด
แต่เชื่อว่าตลาดจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาม่า และยำยำ ที่กระตุ้นตลาดผ่านการแข่งขันในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะตลาดพรีเมียมตลาดที่สามารถสร้างรายได้และยอดขายต่อห่อหรือคัพได้สูงกว่าแบบซองกลุ่มแมส
เช่น
มาม่า เปิดตัวมาม่าโอเค รสหมาล่าเนื้อ และรสเห็ดทรัฟเฟิล พร้อมใช้งบการตลาด 80 ล้านบาทสื่อสารผ่าน พรีเซ็นเตอร์ พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร
ส่วนยำยำเปิดตัวกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลซอสครีมปู แบบแห้ง ในราคาซองละ 11 บาท พร้อมปรับโฉมและรสชาติยำยำสูตรเด็ด ด้วยงบการตลาด 70 ล้านบาท และใช้โบกี้ไลอ้อนเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการสื่อสาร
เพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชอบลองของใหม่ และมีโอกาสในการซื้อรามยอนจากเกาหลีมาทานแทนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยสูงกว่ากลุ่มอื่น เป็นต้น
นอกจากนี้ มาม่า ยังสร้างประสบการณ์และต่อยอดธุรกิจสร้างการรับรู้ถึงการนำมาม่าไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ผ่านมาม่าสเตชั่นอีกด้วย
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ