เที่ยวเพื่อล้างแค้นยังดำเนินต่อไป เปิดอินไซด์เที่ยวไม่พอขอจ่ายมากขึ้น

ปีที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์เที่ยวเพื่อล้างแค้น จากความอัดอั้นที่ห่างหายจากการท่องเที่ยวมานาน

และการเที่ยวเพื่อล้างแค้นของนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้สร้างพลังมหาศาลให้การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตและฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในโซนเอเชีย

มิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ บริษัท Klook จำกัด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจองกิจกรรม และบริการท่องเที่ยวสัญชาติฮ่องกง ให้ข้อมูลว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเอเชีย ดูได้จากไฟลท์ในสนามบินต่าง ๆ ที่กลับมา Recovery ได้เฉลี่ยมากกว่า 75% ในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด

อย่างเช่น

สนามบินสิงคโปร์ Recovery กลับมาได้ 90%

ไทย (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) 75%

ญี่ปุ่น (นาริตะ) 70%

ฮ่องกง 60%

ปักกิ่ง 40% เป็นต้น

และคาดการณ์ว่าปี 2567 จะ Recovery ได้ถึง 99.5%

ส่วนยอดจองการท่องเที่ยว และกิจกรรมผ่านแพลตฟอร์ม Klook ในประเทศที่ให้บริการกลับมาฟื้นตัว 1.4-3 เท่าจากช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562

การกลับมาเที่ยวของนักท่องเที่ยว มาพร้อมกับเทรนด์ที่น่าสนใจ ของนักท่องเที่ยวเอเชีย และไทยคือ

ในมุมของนักท่องเที่ยวเอเชีย

ในปีนี้นักท่องเที่ยวในเอเชียมากถึง 64% แพลนงบประมาณเพื่อการท่องเที่ยวมากกว่าเดิม 30-50%

และ 60% แบ่งงบการท่องเที่ยวครึ่งหนึ่งไปกับกิจกรรม และประสบการณ์ในการท่องเที่ยว

โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยใช้งบกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 70% จากปี 2567

ส่วนนักท่องเที่ยวมาเลเซียและอินเดีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่มงบให้กับการท่องเที่ยวปีนี้มากที่สุด

นอกเหนือการใช้งบประมาณเพื่อการท่องเที่ยวที่สูงขึ้น จากข้อมูลของ Klook ยังพบว่านักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมเลือกจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เลือกจุดหมายจากประเทศที่อยากไป เป็นเลือกประเทศที่ไปท่องเที่ยวจากกิจกรรมที่อยากทำ เช่น อยากสัมผัสโลกของแฮรี่ พอร์ตเตอร์ จึงเลือกไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น เป็นต้น

และการหาแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเอเชีย 62% จะหาแรงบันดาลใจจากโซเชียลมีเดียผ่านบุคคลต่าง ๆ ที่ไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว

รวมถึงไปท่องเที่ยวในฤดูกาลหรือเทศกาลต่าง ๆ ผ่านการจองและวางแผนล่วงหน้ามากถึง 65%

สำหรับการจองในด้านต่าง ๆ เพื่อการท่องเที่ยว ผ่าน Klook ในปี 2566 มียอดการจองเติบโต 270% และมี Basket Size เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2565

โดย Top5 Activity ที่จองผ่าน Klook มากที่สุดคือ

ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์

โตเกียวดิสนีย์แลนด์

ตั๋วเดินทางเจอาร์พาส ญี่ปุ่น

ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ที่ญี่ปุ่น

ตั๋วเดินทางสวิส ทราเวล พาส  สวิตเซอร์แลนด์

ในส่วนของนักท่องเที่ยวไทย

ในปีนี้นักท่องเที่ยวไทยมากกว่า 54% ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

และ 63% ตั้งใจที่จะแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวให้กับผู้อื่น

โดย 9 ใน 10 ของนักท่องเที่ยวไทยจะนิยมท่องเที่ยวกับคู่รักเป็นหลัก

และ 40% ท่องเที่ยวกับครอบครัว

27% ท่องเที่ยวกับเพื่อน

ซึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย 5 อันดับแรก ได้แก่

ญี่ปุ่น ในเมืองโอซากา โตเกียว และฮอกไกโด ซึ่งการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นคนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ 2-3 ครั้งต่อปีโดยไม่เบื่อ  

ฮ่องกง

สิงคโปร์

ยุโรป ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส

เกาหลี

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ใช้พิจารณาในการวางแผนท่องเที่ยว คือ

51% ความพร้อมและราคาของการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง

48% ความเป็นเอกลักษณ์ของจุดหมายปลายทางที่ต้องการไป

 

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวไทยมากถึง 69% นิยมจองตั๋วในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการไปก่อนการเดินทาง และมีการใช้จ่ายเพื่อจองกิจกรรมล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 11% จากปี 2565

ซึ่งการจองกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย ได้แก่

กิจกรรมกลางแจ้งและธรรมชาติ 65%

สวนน้ำ สวนสนุก 56%

วัฒนธรรมท้องถิ่น 50%

อีเวนต์ระดับโลก 50%

 

สำหรับการใช้โซเชียลมีเดียของคนไทยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ข้อมูลจาก Klook พบว่า

92% ของนักท่องเที่ยวไทย เมื่อไปเที่ยวแล้วอยากแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างน้อยเดือนละครั้ง

35% ใช้โซเชียลค้นหาแรงบันดาลใจด้านการท่องเที่ยวทุกอาทิตย์

90% ในการค้นหากิจกรรมการท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดีย จะเชื่อข้อมูลที่มีคนนำเสนอ

 

เมื่อมองที่พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทย Klook ผู้แข่งขันในแพลตฟอร์มการท่องเที่ยววางกลยุทธ์อย่างไรในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมากกว่าคู่แข่ง

1. สร้างความแตกต่างด้วยกิจกรรมที่ Exclusive โดยเฉพาะ เช่น การจองบัตรชมคอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่สิงคโปร์ ที่สามารถดึงดูดลูกค้าไทยเข้ามาในแพลตฟอร์มจองเพื่อจองตั๋วคอนเสิร์ต และกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมจากการดูคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้น

2. โปรโมตแบรนด์ผ่านกิจกรรมการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้า เช่น ล่าสุดจัดแคมเปญออนไลน์ Klook สนุกฉ่ำไม่ซ้ำใคร ผ่านส่วนลดกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วโลก จนถึงปลายเมษายน 2567 และใช้ Music Marketing นำเพลงติดฝนของ PiXXiE มาปรับเปลี่ยนเนื้อร้องและนำเสนอผ่านภาพยนตร์โฆษณา มีพรีเซนเตอร์ส้ม มารี และกิจกรรมชาเลนจ์ใน TikTok เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่

รวมถึงสร้างการรับรู้ผ่านแคมเปญ Klook Summer Fest อีเวนต์มอบส่วนลดการท่องเที่ยว ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นต้น

3. การจัดทำ Klook Lounge ที่เซ็นทรัลเวิลด์ในรูปแบบ Pop-Up ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ พร้อมสร้างยอดผู้ใช้ใหม่ด้วยการให้ผู้มาใช้บริการใน Klook Lounge โชว์แอปพลิเคชัน Klook เพื่อแลกไอศกรีมรสชาติเฉพาะฟรี

อย่างไรก็ดี สำหรับ Klook ในประเทศไทย ได้เข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2562 โดยคำว่า Klook มาจาก Keep Looking ที่แปลว่า การค้นหาที่ไม่หยุดนิ่ง

ซึ่งในปัจจุบัน Klook มีผู้ใช้บริการบนแพลตฟอร์ม 40 ล้านคน และเป็นลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 35% โดยไทยเป็นประเทศที่ Klook มองว่ามีอัตราการเติบโตสูง

และมีผู้ใช้บริการเป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานสูงสุด

–

---