ฮ่องกงยังคงเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมแว่นตาในเอเชีย และในปี 2025 Hong Kong Optical Fair ก็ได้สะท้อนทิศทางใหม่ของตลาดที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านดีไซน์ งานฝีมือ เทคโนโลยี และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยปีนี้ Marketeer Online ได้สัมภาษณ์สามแบรนด์ที่โดดเด่นในงาน ได้แก่ Inon จากญี่ปุ่น, STEPPER จากยุโรป และ Classico จากไต้หวัน ซึ่งต่างถ่ายทอดมุมมองและเอกลักษณ์ของตนอย่างชัดเจน ทำให้เห็นทิศทางสำคัญของอุตสาหกรรมแว่นตาในปีนี้ได้อย่างน่าสนใจ
Inon: งานฝีมือคือหัวใจของแบรนด์
Inon จากญี่ปุ่นยังคงยืนหยัดในจุดยืนเดิมที่แข็งแรง คือการสร้างสรรค์แว่นตาด้วยงานฝีมือระดับสูงที่ต้องอาศัยทักษะของช่างผู้เชี่ยวชาญหลายขั้นตอน การขึ้นรูปแบบ handcrafted และการเลือกใช้วัสดุโลหะคุณภาพดีเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์แตกต่างจากผู้เล่นจำนวนมากในตลาดที่พึ่งพาการผลิตเชิงอุตสาหกรรมเป็นหลัก
ดีไซน์ของ Inon ยังคงเน้นความเรียบหรูตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่เติมเต็มด้วยรายละเอียดร่วมสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเอเชียยุคใหม่ ซึ่งมองหาแว่นที่ไม่ใช่แค่สวมใส่ง่าย แต่ต้องมีเรื่องราวและคุณค่าที่สื่อถึงตัวตนของผู้สวมใส่ด้วย ความประณีตที่เป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้ตลาดระดับพรีเมียมยังคงตอบรับแบรนด์เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในไทยที่ความนิยมสินค้า Crafted Luxury เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
STEPPER: แบรนด์ยุโรปที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI
ในอีกมุมหนึ่ง STEPPER จากยุโรปได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางของอนาคตอุตสาหกรรมแว่นตาผ่านการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในกระบวนการออกแบบและพัฒนาฟิตติ้งของกรอบแว่น โดยทางแบรนด์เชื่อว่า นวัตกรรมใหม่จะช่วยให้แว่นตาสามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานได้มากกว่าที่เคยเป็นมา
AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสรีระวิทยาของใบหน้า ทั้งโครงหน้า ความกว้างของดั้ง ความลึกของเบ้าตา รวมถึงตำแหน่งจมูก ก่อนนำมาปรับใช้ในการสร้างกรอบแว่นที่สวมใส่ได้พอดีในระดับสูงสุด การผสานข้อมูลเข้ากับวัสดุน้ำหนักเบาและโครงสร้างแบบใหม่ เช่น สะพานแว่นที่พัฒนาจากฐานข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้ STEPPER สามารถออกแบบแว่นที่เหมาะกับใบหน้าของผู้บริโภคเอเชียได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
แม้ดีไซน์จะยังคงความเรียบง่ายสไตล์ยุโรป แต่ความใส่ใจในด้านฟิตติ้งและเทคโนโลยีที่เน้นความสบายของผู้สวมใส่คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในงานปีนี้ โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแว่นที่เบา สบาย และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างยาวนาน
Classico: ความคลาสสิกสไตล์วินเทจที่ถูกตีความใหม่
Classico จากไต้หวันโดดเด่นในงานปีนี้ด้วยการนำเสนอแว่นตาแนว “Modern Vintage” ที่ผสมผสานความคลาสสิกแบบยุคอดีตเข้ากับวัสดุและงานประกอบที่ทันสมัย ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทรงกลม ทรงเหลี่ยม และทรงเรโทรยุค 70s ถูกปรับให้บาง เบา และแข็งแรงมากขึ้น ทำให้สามารถตอบโจทย์ทั้งกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานได้อย่างลงตัว
ทางแบรนด์เชื่อว่า ผู้บริโภคในเอเชียกำลังมองหาแว่นที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน และช่วยสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่มากขึ้น ไม่ใช่เพียงแว่นที่โดดเด่นด้านฟังก์ชันการใช้งานเท่านั้น ทำให้กระแสของดีไซน์วินเทจกลับมาโดดเด่น และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไทยที่รสนิยมมีความใกล้เคียงกับไต้หวันมาก
ภาพรวมเทรนด์ตลาดแว่นตา 2025: Craftsmanship – AI – Vintage
เมื่อมองทั้งสามแบรนด์ร่วมกัน จะเห็นว่าอุตสาหกรรมแว่นตาในปี 2025 กำลังขับเคลื่อนด้วยสามเทรนด์หลัก ได้แก่ การกลับมาของงานฝีมือระดับพรีเมียม การนำ AI มาใช้ในการออกแบบเพื่อยกระดับความสบายในการสวมใส่ และการเติบโตของสไตล์วินเทจที่สะท้อนตัวตนของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งสามทิศทางนี้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่แตกต่าง มีคุณค่า และให้ประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าในอดีต
โอกาสของตลาดไทยในปี 2025
ตลาดแว่นตาไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง และมีโอกาสโดดเด่นในหลายเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะแว่นตาพรีเมียมที่เน้นงานฝีมือ แว่นเทคโนโลยีที่ให้ความสบายระดับสูง และแว่นแฟชั่นในแนววินเทจที่เข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ได้ดี ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์ที่ปรากฏในงานครั้งนี้เพื่อเลือกคอลเลกชันและสต็อกแว่นตาที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น
สรุปภาพรวม
Hong Kong Optical Fair 2025 ได้สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมแว่นตาในเอเชียกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และความคาดหวังของผู้บริโภค การได้พูดคุยกับ Inon, STEPPER และ Classico ช่วยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการแว่นที่มีความหมายต่อตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความประณีต ความสบาย หรือความคลาสสิกที่มีเอกลักษณ์ ทั้งหมดนี้คือสัญญาณชัดเจนว่าอุตสาหกรรมแว่นตาในปี 2025 จะยังคงมีความเคลื่อนไหวที่น่าติดตาม และเป็นปีแห่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการในเอเชียและไทยอย่างแท้จริง
