สิ่งที่ทำให้ Toyota เป็นแชมป์ตลาดรถยนต์เมืองไทยมายาวนาน น่าจะมีหลายเหตุผล
ไม่ว่าการเป็นบริษัทรถยนต์ที่อยู่ในเมืองไทยมานาน 55 ปี ทำให้ Brand แข็งแกร่ง ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในคุณภาพรถสูง
การมีรถหลายรุ่น หลายประเภท ตั้งแต่รถกระบะไปถึงรถหรู จับกลุ่มลูกค้าแนวกว้าง ตั้งแต่ชาวไร่ชาวนา–วัยรุ่น–วัยทำงาน–ผู้บริหาร หรือจะเป็นราคาขายต่อในตลาดมือสองที่ได้ราคาดีกว่าค่ายรถคู่แข่ง, อะไหล่รถหาง่าย และสารพัดเหตุผลอีกมากมาย ที่ทำให้ Toyota เป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนที่คิดจะซื้อรถ
แต่ “จุดอ่อน” ของผู้นำตลาดรายนี้คือ ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในดูล้าหลังหากเทียบกับคู่แข่ง ทำให้ Toyota เสียลูกค้าให้แก่ Honda และแบรนด์รองค่ายอื่นๆ ไปไม่น้อยในช่วงที่ผ่านมา
เป็นเรื่องที่ทีมผู้บริหารระดับสูงของ Toyota จนไปถึง CEO ของบริษัทอย่าง “มิจิโนบุ ซึงาตะ” ต้องหาทางแก้ไข และไม่ใช่แค่แผนระยะสั้นๆ โปรเจ็กต์เล็กๆ แต่นี่คือแผนระดับ All New เปลี่ยน Toyota ครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี
เป้าหมายก็เพื่อการเป็น “ผู้นำตลาดรถเมืองไทยอย่างยั่งยืน”
อันดับแรกสุดก็คือดีไซน์รถ ทำให้ตั้งแต่ปี 2017 ไล่ยาวมาถึงปี 2018 รถคันใหม่ๆ ของ Toyota มีดีไซน์ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ Hilux Revo ที่มีดีไซน์บึกบึนน่าเกรงขาม, Yoyota Yaris และ Yaris ATIV ที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยว มีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น,Toyota CHR ที่เป็นดีไซน์แห่งอนาคต หรือจะเป็น All New CAMRY ที่ใครๆ ต่างบอกว่า “หล่อและหนุ่มขึ้นกว่าเดิม”
ทำให้ Toyota มียอดขายแซงหน้า Honda แชมป์เก่าในตลาดรถที่นั่งและมียอดขายไล่จี้ Isuzu มาอย่างติดๆ
จนไปถึงการเลือกใช้ BNK48 มาเป็น Presenter ให้แก่ Toyota Yaris ATIV นอกจากการโปรโมตรถรุ่นนี้แล้วนั้นยังทำให้ Image Brand ของ Toyota ดูสดใสมากขึ้นกว่าในอดีต
เป้าหมายทั้งหมดก็เพื่อทำให้ Toyota ที่อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 55 ปี และมักถูกมองว่าเป็นแบรนด์รถที่เหมาะสำหรับคน Gen x อายุ 33–47 ปี
ภารกิจลดอายุ Brand ของตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยพร้อมกับขยายไปสู่กลุ่มลูกค้า Gen Y อายุ 18-33 ปี ให้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าใหญ่สุดในตลาดรถเมืองไทย จึงถูกกางแผนขึ้นมาใช้อย่างจริงจัง
แน่นอนย่อมไม่ใช่แค่ดีไซน์ที่ Toyota เลือกจะเปลี่ยนวิธีคิด แต่ยังรวมไปถึงเทคโนโลยีตั้งแต่ตัวรถจนไปถึงโชว์รูม
แพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Toyota New Global Architecture หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “TNGA” กำลังถูกหยิบมาสื่อสารอย่างหนักผ่านสื่อออนไลน์และสื่ออื่นๆ
โดยแพลตฟอร์มนี้ Toyota เคลมว่านอกจากจะรักษาสิ่งแวดล้อมแล้วนั้นจะทำให้รถของตัวเองขับสนุก มีอัตราเร่งดี กินน้ำมันน้อยผ่านระบบเครื่องยนต์ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม Toyota CHR ที่อยู่ในแพลตฟอร์มการผลิตนี้ ถึงมียอดขายแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Honda HRV แบบทิ้งขาด
รวมไปถึงรถที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานอย่าง All-new Toyota CAMRY เองก็ถูกสร้างมาจากแนวคิดนี้เช่นกัน ที่น่าสนใจกว่านั้น คือต้องตามดูต่อไปว่ารถคันใหม่ๆ ของ Toyota ในปีหน้าจะถูกสร้างมาภายใต้ Concept นี้จำนวนกี่รุ่น
และ Toyota ไม่ได้หยุดอยู่แค่เทคโนโลยีเครื่องยนต์ แต่ยังมองลูกค้าของตัวเองในวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมัดใจเป็นพิเศษ โหมดการใช้ชีวิตก้าวสู่ Digital Life อย่างเต็มตัว
เทคโนโลยีอัจฉริยะ Toyota T-Connect ถูกนำมาเป็นอีกหนึ่งเครื่องปรุงของแบรนด์ให้ดูสดใหม่ โดยรถจะสามารถเชื่อมต่อกับ Smartphone และ Gadget ต่างๆ ของผู้ขับขี่ โดยเริ่มต้นจากรถ Toyota Fortuner ในปีที่แล้วจนมาถึงรถรุ่นใหม่ๆ
จนมาถึงโปรเจกต์ ALIVE SPACE โชว์รูมที่สลัดภาพเดิมๆ ทิ้งออกไป เพราะที่นี่จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอรถยนต์รุ่นต่างๆ
จอภาพ 3D ที่แสดงข้อมูลเครื่องยนต์ สเป็กรถทุกรุ่นของ Toyota รวมไปถึงราคาและโปรโมชั่นในช่วงนี้, พื้นที่โชว์รูมที่ตกแต่งทันสมัย สามารถปรับใช้เป็น Coworking Space รองรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มมิลเลนเนียล ด้วย Wifi ความเร็วสูง
โดยปัจจุบันเปิดแล้ว 8 สาขาในกรุงเทพฯ แล้วจะค่อยๆ ทยอยค่อยเปลี่ยนจนครบทุกโชว์รูมทั่วประเทศ
แต่ที่ทำให้โปรเจกต์นี้กลายเป็น Talk of Town นั้น คือการลงทุนไปเปิดสาขาระดับ Flagship ในสาขา Iconsiam ศูนย์การค้าที่มีมูลค่า 54,000 ล้านบาท ของสยามพิวรรธน์ โดยจัดทำเป็น 2 ชั้น พื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร กำหนดเปิดตัว 11 ธันวาคมที่จะถึงนี้
โดยใช้ชื่อว่า LIVE Space by Toyota ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตของ Toyota
ถึงจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเม็ดเงินในการลงทุนสารพัดอย่างของ Toyota ในรอบ 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา
แต่หากมองให้ลึกไปที่เป้าหมายอนาคตที่ Toyota ต้องการให้คนรุ่นใหม่ๆ เมื่อถึงเวลาเลือกซื้อรถคันแรกในชีวิต
Toyota จะกลายเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่คน Gen Y จะเลือก
จะมองมุมไหนก็เป็นค่าการตลาดที่ Toyota ยอมจ่ายแล้วมองว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์