เชื่อได้เลยว่าช็อกโกแลตเป็นขนมหวานชิ้นโปรดของใครหลายคน แต่สำหรับคนที่เคยไปอังกฤษ หรืออาศัยอยู่ที่อังกฤษต้องคุ้นเคยกับแบรนด์ Cadbury (แคดเบอรี) แน่นอน เพราะแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่เก่าแก่แบรนด์หนึ่งของประเทศอังกฤษนั่นเอง
แน่นอนว่าหลายคนรู้จัก Cadbury จากผลิตภัณฑ์ดังอย่างช็อกโกแลตนม Dairy Milk หรือ Creme Egg and Roses Selection box แต่ความจริงแล้ว Cadbury ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นที่นิยม สิ่งนี้ทำให้ Daily Telegraph (เดลี่ เทเลกราฟ) หนังสือพิมพ์รายวันของอังกฤษได้ยกให้ Cadbury เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่ประสบความสำเร็จที่สุดของอังกฤษในปี 2013
แต่รู้หรือไม่ ถึงแม้ Cadbury จะเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมาเมื่อ 199 ปีก่อน แต่กำไรประจำปีของ Cadbury ก็ยังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2021 ทำให้มีรายรับทะลุกว่า 55 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
มาดูกันดีกว่าว่าอะไรทำให้แบรนด์ Cadbury ได้รับความนิยมจนประสบความสำเร็จขนาดนี้
Cadbury แบรนด์ช็อกโกแลตสุดฮอตฮิตของประเทศอังกฤษ
Cadbury ก่อตั้งในปี 1824 ในเมืองเบอร์มิงแฮม (Birmingham) ประเทศอังกฤษ โดย John Cadbury (จอห์น แคดเบอรี) ปัจจุบันเป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Mondelez International (มอนเดลีซ อินเตอร์เนชั่นแนล) ตั้งแต่ปี 2010
John Cadbury
เริ่มแรก John Cadbury ได้เริ่มต้นขายชา กาแฟ และเครื่องดื่มช็อกโกแลตที่ Bull Street ในเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ต่อมาเมื่อเขาเห็นว่าเครื่องดื่มช็อกโกแลตขายดีมากกว่าชาและกาแฟ เขาจึงย้ายไปผลิตโกโก้และเครื่องดื่มช็อกโกแลตหลากหลายชนิดในโรงงานที่ Bridge Street แทนในปี 1831 โดยเขาเน้นขายให้กับคนร่ำรวยเป็นหลัก เนื่องจากต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง จากนั้นเขาได้ก่อตั้งบริษัท Cadbury Brothers ร่วมกับน้องชายของเขา เบนจามิน (Benjamin)
ธุรกิจของเขาดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งในปี 1847 คู่แข่งหลักของ Cadbury อย่าง Fry’s of Bristol ได้ผลิตช็อกโกแลตแท่งชิ้นแรกออกมาวางจำหน่าย ซึ่งช็อกโกแลตอันนี้ขายดีมาก ๆ และได้รับความนิยมในทันที ทำให้ Cadbury ได้เริ่มผลิตช็อกโกแลตแท่งในปี 1849
และในปีเดียวกันนั้น ช็อกโกแลตแท่งของ Cadbury ก็ถูกจัดจำหน่ายที่งานแสดงสินค้าในบิงลีย์ฮอลล์เบอร์มิงแฮม ทำให้ช็อกโกแลตของ Cadbury ได้รับความนิยมมากขึ้น จนสองพี่น้อง Cadbury สามารถเปิดสำนักงานในลอนดอนได้สำเร็จ
ความสำเร็จนี้ทำให้ Cadbury ได้ก้าวหน้าขึ้นเป็นหนึ่งในแบรนด์ช็อกโกแลตชั้นนำของอังกฤษ และในปี 1854 แบรนด์ Cadbury ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตและโกโก้ถวายพระราชินีวิกตอเรีย
ยุคทองของ Cadbury ยุคแห่งความสำเร็จ
Richard and George
ในปี 1861 Richard (ริชาร์ด) และ George (จอร์จ) ลูกชายของ John Cadbury เข้ามาดูแลกิจการแทน เริ่มแรกธุรกิจ Cadbury ได้ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว Richard และ George สองพี่น้องจึงได้เปลี่ยนแบรนด์มาผลิตช็อกโกแลตอย่างเต็มรูปแบบ แทนที่จะขายทั้งชาและกาแฟด้วย รวมทั้งยังเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นอีกเท่าตัว ทำให้ในที่สุด Cadbury ก็สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
หลังจากนั้น Cadbury ก็ประสบความสำเร็จเรื่อยมาจากการผลิตโกโก้ สร้าง Fancy Boxes หรือกล่องช็อกโกแลตที่ตกแต่งอย่างสวยงาม จำหน่ายกล่องรูปหัวใจสำหรับวันวาเลนไทน์ หรือผลิตช็อกโกแลตรูปไข่อีสเตอร์ เป็นต้น
และในปี 1897 เป็นปีที่ Cadbury มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดจากการผลิตและวางจำหน่ายช็อกโกแลตนมแบบแท่ง เพราะสินค้าตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างในเวลาอันสั้น จนในปี 1905 Cadbury ได้เปิดตัว Dairy Milk bar ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีสัดส่วนของนมมากกว่าช็อกโกแลตแท่งรุ่นก่อน ๆ ซึ่งพัฒนาโดย George Cadbury Jr ลูกชายของ George นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทอังกฤษสามารถผลิตช็อกโกแลตนมจำนวนมากได้ ผลิตภัณฑ์นี้จึงได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์เลยทีเดียว
เมื่อ Cadbury สามารถทำรายได้มากขึ้นจนเป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศ Cadbury จึงตัดสินใจซื้อกิจการควบรวมกับ JS Fry & Sons แบรนด์ผู้ผลิตช็อกโกแลตชั้นนำอีกรายของอังกฤษในปี 1919 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของ Cadbury หลากหลายมากขึ้น และมีสินค้าที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น Fry’s Chocolate Cream และ Fry’s Turkish Delight อยู่ในการดูแล
นอกจากนี้ Cadbury ยังได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกไปให้มากขึ้น เช่น Flake (เริ่มจัดจำหน่ายในปี 1920) Creme Eggs (เริ่มจัดจำหน่ายในปี 1923) Fruit and Nut (เริ่มจัดจำหน่ายในปี 1928) และ Crunchie (เริ่มจัดจำหน่ายในปี 1929 ซึ่งแต่เดิมอยู่ภายใต้ฉลากของ Fry’s) สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ Cadbury ขึ้นแท่นเป็นบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 24 ของอังกฤษนั่นเอง
ในช่วงกลางทศวรรษ 1930 แคดเบอรีประเมินว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรอังกฤษสามารถซื้อช็อกโกแลตได้โดยง่าย เนื่องจากไม่ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับชนชั้นแรงงานอีกต่อไป ในปี 1936 Dairy Milk คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของตลาดช็อกโกแลตนมในสหราชอาณาจักร
การขยายอาณาจักรของ Cadbury
ตั้งแต่ปี 1967 เป็นต้นมา Cadbury ได้ซื้อกิจการที่เกี่ยวกับช็อกโกแลตรวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มต่าง ๆ เพื่อเป็นการขยายแบรนด์ออกไปให้กว้างขึ้น เช่น ในปี 1967 Cadbury ได้ซื้อ MacRobertson’s ซึ่งเป็นบริษัทลูกกวาดของออสเตรเลีย ผลจากการเทกโอเวอร์ทำให้ Cadbury ได้สร้างส่วนแบ่งการตลาด 60 เปอร์เซ็นต์ในตลาดออสเตรเลีย
ในปี 1978 บริษัทได้ซื้อกิจการของ Peter Paul (ปีเตอร์ พอล) ซึ่งเป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกาด้วยมูลค่า 58 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Cadbury มีส่วนแบ่งร้อยละ 10 ของตลาดขนมหวานที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากการซื้อกิจการเรื่อยมาของ Cadbury ทำให้ในปี 1982 กำไรที่บริษัทได้มาจากการซื้อขายนอกสหราชอาณาจักรมากกว่าในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก นับเป็นก้าวแรกในการเติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลกได้อย่างยิ่งใหญ่
ไม่เพียงเท่านี้ Cadbury ยังได้ซื้อกิจการบริษัทขนมหวานของ Snapple, Mistic, Stewart’s, Royal Crown, Adams และ Green & Black’s ทำให้ Cadbury กลายเป็นบริษัทลูกกวาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอินเดียเป็นตลาด 3 อันดับแรกที่นิยม Cadbury มากที่สุด
Cadbury Dairy Milk หนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของแบรนด์ Cadbury
Cadbury Dairy Milk เป็นแบรนด์ช็อกโกแลตนมของอังกฤษที่ผลิตโดย Cadbury เปิดตัวในสหราชอาณาจักรในปี 1905 ปัจจุบัน Cadbury Dairy Milk ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ทำจากช็อกโกแลตนมโดยเฉพาะ ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ได้รับความนิยมในวงกว้าง เนื่องจากรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมนั่นเอง จนในปี 2014 Dairy Milk ได้รับการจัดอันดับให้เป็นช็อกโกแลตบาร์ที่ขายดีที่สุดในสหราชอาณาจักร
ตั้งแต่ปีที่ Dairy Milk ได้ผลิตขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน Dairy Milk ได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของบริษัท จนได้รับการพัฒนาให้มีหลากหลายรสชาติมากขึ้น เช่น รส Fruit and Nut ที่เป็นรสชาติได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ หรือรส Whole Nut ที่ขายดีไม่แพ้กัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ Dairy Milk ได้รับการจัดอันดับให้เป็นช็อกโกแลตแท่งที่ขายดีที่สุดในสหราชอาณาจักร และในปี 2020 Dairy Milk ถือว่าเป็นของว่างที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในสหราชอาณาจักรรองจาก McVitie ‘s Chocolate บิสกิตช็อกโกแลต
Cadbury กับการริเริ่มใช้กล่องรูปหัวใจในวันวาเลนไทน์
ช็อกโกแลตมักเป็นของขวัญสุดหวานที่ผู้คนนิยมมอบให้คนรัก โดยเฉพาะในวันวาเลนไทน์ Cadbury เป็นแบรนด์ที่เข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี จึงได้ริเริ่มประดิษฐ์ช็อกโกแลตกล่องรูปหัวใจออกมาวางจำหน่าย
โดยความคิดนี้มาจาก Richard Cadbury ลูกชายของ John Cadbury ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เริ่มแรก Richard มีความคิดที่จะขายช็อกโกแลตแฟนซีให้เด็ก ๆ เขาจึงได้เริ่มประดิษฐ์กล่องแฟนซีสำหรับช็อกโกแลตแฟนซีโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละกล่องก็จะมีการตกแต่งที่สวยงาม เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถตัดและเก็บไว้ในสมุดภาพได้
ต่อมา เขาได้ผลิตกล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจขึ้นในปี 1868 ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทแรกที่ใช้กล่องรูปหัวใจ เพื่อบรรจุช็อกโกแลตให้สามารถเป็นของขวัญ และสามารถเป็นกล่องใส่ของชิ้นเล็ก ๆ ได้ภายหลัง ทำให้กล่องเหล่านี้เป็นที่นิยมของผู้คนจำนวนมาก
โดยเฉพาะในวันวาเลนไทน์ เพราะผู้คนนิยมใช้กล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจนี้เป็นของขวัญสื่อรักแทนใจในช่วงเทศกาลนี้ สิ่งนี้ช่วยให้ Cadbury ก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนในตอนนั้น Cadbury ได้กลายเป็นแบรนด์ขนมหวานที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ในวงการเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ได้มอบความสุขและความเพลิดเพลินให้กับผู้รักช็อกโกแลตทั่วโลกได้อีกด้วย
บทสรุป
ปัจจุบัน Cadbury เป็นบริษัทในเครือของ Mondelez International หรือรู้จักกันในชื่อเดิมว่า Kraft Foods ตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ Cadbury ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในอังกฤษ เพราะไม่เพียงมีสินค้าที่เป็นนิยมมากมาย แต่ยังเป็นแบรนด์ที่ริเริ่มสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับสังคมอีกด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Cadbury ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมต่าง ๆ อย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Cadbury ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้เหมาะกับรสนิยมของผู้คนยุคใหม่มากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมช็อกโกแลตของ Cadbury ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งโลกอยู่เสมอ
ที่มา:
https://www.cadbury.co.uk/our-story
https://en.wikipedia.org/wiki/Cadbury
https://www.candyfavorites.com/heart-shaped-chocolate-box-valentines-day
Who owns Cadbury? The current owners have ditched the founder’s ideals
https://www.delish.com/uk/food-news/a36969555/cadbury-facts/
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline
