พูดได้เต็มปากว่า ปี 2023 คือ ปีของยนตรกรรม EV อย่างแท้จริง ทั้งความนิยมของผู้ใช้งานที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงกระแสเชิงบวกในโลกโซเชียล
ข้อมูลจาก กรมการขนส่ง ระบุว่า สถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า ปีงบประมาณ 2023 (ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2022 – 30 ก.ย. 2023) มีจำนวนทั้งสิ้นถึง 73,341 คัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นถึง 399.05% เมื่อเทียบกับปีก่อน (14,696 คัน)
ขณะที่ตัวเลขยอดจองเฉพาะรถ EV 100% ในงาน Bangkok International Motor Show 2023 (20 มี.ค. – 2 เม.ย. 66) มีมากถึง 9,234 คัน เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2022 ถึง 199.4% (ยอดเดิม 3,084 คัน)
และในงาน Motor Expo 2023 (29 พ.ย. – 11 ธ.ค. 66) แบรนด์ EV ดาหน้าเข้าสู่ทำเนียบ Top 10 แบรนด์ที่มียอดจองสูงสุดในงานได้แบบครึ่งต่อครึ่ง โดยเฉพาะแบรนด์ที่ได้อันดับสูงสุดคือ “BYD” ครองอันดับที่ 3 ชนิดหายใจรดต้นคออันดับ 2 อย่าง “Honda” แค่หลักสิบ
ในการเติบโตมีสถิติที่น่าสนใจจาก SCB EIC ระบุว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ EV ในไทย สะสมตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน “ค่ายรถยนต์จากประเทศจีน” สามารถกวาดส่วนแบ่งการตลาดไปสูงสุดถึง 80%
นับเฉพาะแค่เดือนมกราคม – กันยายน 2023 ตัวเลขจาก กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า 10 อันดับรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาจดทะเบียนป้ายขาวครั้งแรก เป็นรถแบรนด์จีนถึง 7 รุ่น โดยอันดับ 1 ได้แก่ BYD Atto3 รวม 15,924 คัน และ NETA V มาเป็นอันดับ 2 รวม 9,294 คัน (Tesla ติดอันดับ 3 และ 8/Volvo อันดับ 10 ส่วนที่เหลือเป็นแบรนด์จากจีนล้วน ๆ)
นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า แบรนด์จากแดนมังกรกำลังผงาดในจักรวาลยานยนต์ EV ประเทศไทย
เมื่อดูจากสถิติแล้วหันมามองที่ผู้เล่นในตลาด ไม่เพียงแค่หน้าเก่าแบรนด์หลักอย่าง MG, GWM, BYD และ NETA ยังมีแบรนด์ขวัญใจชาวมินิมอลอย่าง Volt และ Wuling รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่เปิดตัวได้อย่างเร้าใจอย่าง Changan และ AION มาร่วมชิงส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่ความต้องการของผู้บริโภคกำลังเพิ่มขึ้นและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เมื่อตลาดรถ EV ในไทยกำลังเบ่งบาน แบรนด์จีนที่มาพร้อมจุดขาย คือ ราคาเร้าใจ ดีไซน์แตกต่าง และออปชั่นขั้นสุด ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้แบบเต็ม ๆ
ต้องมาดูว่า ค่ายญี่ปุ่นเจ้าตลาดสันดาปที่ก่อนนี้พัฒนายานยนต์ไฟฟ้ากันแบบ Slow Life จะปรับหมากเดินกลยุทธ์กันอย่างไร
…ปีหน้าคงได้เห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้นแน่นอน…
–