สัตยา นาเดลลา CEO ของ Microsoft กับแนวคิด AI in Thailand

แม้จะเป็นวันแรงงานแห่งชาติ แต่โลกของ AI ไม่เคยหยุด เพราะในวันนี้สัตยาได้มาบอกเล่าถึงทิศทางการผลักดัน AI ในประเทศไทย ผ่านงาน Microsoft Build : AI Day 2024 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

การมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ สัตยาได้ประกาศทิศทาง AI ของไมโครซอฟท์ในประเทศไทย 4 ประการ

ได้แก่

1. เปิด AI Data Center แห่งแรกในประเทศไทย จากการมองเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ในหลาย ๆ ด้าน

รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับคลาวด์และ AI เพื่อขยายการให้บริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์ในประเทศไทยในสเกลที่ใหญ่ เพื่อให้มีความกว้างที่จะครอบคลุมให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น ทั้งในรูปแบบ Corporate SME และหน่วยงานรัฐ

ไปพร้อม ๆ กับการสร้างความเสถียรภาพและสมรรถนะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับองค์กร ตลอดจนรองรับมาตรฐานของประเทศไทยด้านการจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างครบถ้วนผ่านเทคโนโลยี AI ล่าสุดที่จะเพิ่มศักยภาพการทำงานให้กับประเทศไทยในหลากหลายด้าน

ซึ่งงานวิจัยโดยบริษัทที่ปรึกษา Kearney ได้คาดการณ์ว่า AI จะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 37,000 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030

ส่วนของประเทศไทยจะช่วยเพิ่ม GDP ได้มากถึง 117,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.3 ล้านล้านบาท

2. สนับสนุนและยกระดับทักษะ AI ให้กับคนไทย กว่า 100,000 คน ในเฟสแรก ผ่านโครงการต่าง ๆ ร่วมมือกับรัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ภาคเอกชน รวมถึงชุมชนและกลุ่มผู้สนใจ

เช่น โครงการ AI Skills for the AI-enabled Tourism Industry ที่จับมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน เพื่อเสริมทักษะด้าน AI ให้กับผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

การเข้ามาสนับสนุนนโยบาย “Cloud First” ของภาครัฐ ผ่านโครงการพัฒนาทักษะด้าน AI สำหรับข้าราชการและนักพัฒนาที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น

โดยการสนับสนุนและยกระดับทักษะด้าน AI ให้กับคนไทย เป็นหนึ่งในนโยบายของสัตยาที่ต้องการผลักดันประชากรกว่า 2.5 ล้านคนจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้าน AI ภายในปี 2568

3. สนับสนุนนักพัฒนาไทยมุ่งสู่โลกแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลและ AI

เช่น โครงการ AI Odyssey ที่สนับสนุน และยกระดับความสามารถของนักพัฒนาไทยกว่า 6,000 คน ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI บนทักษะใหม่ ๆ ที่ได้รับการรับรองจากไมโครซอฟท์

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ยังมีการสนับสนุนพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แพลตฟอร์ม GitHub ที่เป็นตัวกลางเปิดให้นักพัฒนาเข้ามาเขียนโค้ด สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และประสานงานในรูปแบบต่าง ๆ ผ่าน GitHub

ซึ่งในปี 2566 มีนักพัฒนาไทยเข้าร่วมกว่า 900,000 เติบโตถึง 24% จากปี 2565

4. เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรไทย ผ่าน Generative AI ของไมโครซอฟท์

โดยที่ผ่านมามีองค์กรอย่าง เอไอเอส, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), SCBX และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำมาปรับใช้กับองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ

เช่น

– เอไอเอส นำผู้ช่วย AI อย่าง Copilot for Microsoft 365 มาประยุกต์ใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดยเฉพาะในฝ่ายกฎหมาย การนำ GitHub Copilot บริการ AI สำหรับช่วยเขียนโค้ด และ Azure OpenAI Service แพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนา AI ในองค์กร มาใช้งานต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและผู้ช่วย AI ด้วยตนเอง

– สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำ Azure OpenAI Service, Azure Machine Learning และเทคโนโลยีอื่น ๆ ของไมโครซอฟท์มาพัฒนาเป็นช่องทางให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลและนโยบายสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น

– SCBX นำบริการ Azure OpenAI Service มาพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมในองค์กร เช่นนำ Azure OpenAI Service มาใช้สนับสนุนการทำงานของแชตบอต “มณี”, บริษัทในเครืออย่าง InnovestX นำ Azure OpenAI Service มาใช้รวบรวมข้อมูลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ พร้อมด้วยบทวิเคราะห์จากหลากหลายแหล่ง มาสรุปเป็นรายงานที่อ่านง่ายและแม่นยำ เป็นต้น

– ในอนาคตสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่จะนำ Copilot for Microsoft 365 เข้ามาสนับสนุนการทำงานของนักกฎหมายที่ทำงานให้กับภาครัฐ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ภายในองค์กร เป็นต้น