หงส์ไทย จะฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ล็อตเดียวกระเทือนทั้งแบรนด์

.

9 ธ.ค. 2567

รุ่นการผลิต 000332 ของยาดมสูตร 2 (เลขทะเบียน G 309/62) เริ่มผลิตโดยบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด (สถานที่ผลิต: หงส์ไทยพาณิชย์)

.

20 ต.ค. 2568

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศผลตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์รุ่นนั้น “ไม่ได้มาตรฐาน” พบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ได้แก่ Total Aerobic Microbial Count, Yeasts & Mould, Clostridium spp. / ประกาศ อย.

.

28 ต.ค. 2568

อย. เผยแพร่อย่างเป็นทางการ เตือนผู้บริโภคให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ล็อตดังกล่าวทันที พร้อมอยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย

.

28 ต.ค. 2568

บริษัทหงส์ไทย ชี้แจงว่า ดำเนินการ เรียกคืนสินค้าล็อตผลิต 000332 จำนวนประมาณ 200,000 กระปุก (16,666 โหล) จากตลาดแล้ว พร้อมยืนยันจะคืนเงินเต็มจำนวนให้ลูกค้าและจะทำลายสินค้าล็อตนั้นร่วมกับ อย.

.

29 ต.ค. 2568

บริษัทได้ประกาศ ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างเข้มงวดขึ้น เช่นเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพและฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

.

ข่าวต่างประเทศที่เผยแพร่ข่าวนี้

.

The Straits Times (สิงคโปร์) รายงานว่า อย. ออกคำเตือนสุขภาพเกี่ยวกับล็อตที่มีการปนเปื้อนจุลินทรีย์ของแบรนด์ดังกล่าว โดยอ้างข้อมูลว่า พบเกณฑ์ไม่ผ่านทั้ง จำนวนจุลินทรีย์ แป้งยีสต์ & รา และการตรวจพบ Clostridium spp.

.

Channel News Asia รายงานว่าแบรนด์ดังได้เรียกคืนล็อตผลิต 000332 จำนวนประมาณ 200,000 ชิ้น หลังพบการปนเปื้อนจุลินทรีย์จากผลการตรวจของอย.

.

Lao Times (ลาว) ก็มีการรายงานข่าวในเชิงภูมิภาคว่า มีการค้นพบการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ของ Hong Thai และมีการเรียกคืนทั่วประเทศของไทยแล้ว

.

อย่างไรก็ตาม ข่าวสื่อส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะต่างประเทศ) มักใช้พาดหัวว่า “Thailand recalls popular Hong Thai herbal inhaler due to contamination” ซึ่งสื่อให้เข้าใจได้ง่ายว่า ทั้งแบรนด์ถูกเรียกคืน

.

ความเสียหายจะ “จำกัดวง” หรือ “ลุกลามจนเหมารวมทั้งแบรนด์”

.

1. ความเป็นจริง: ผู้บริโภคทั่วไป “แทบแยกล็อตไม่ออก”

-เลขล็อต (Lot No. 000332) ที่มีปัญหาถูกพิมพ์ไว้ ด้านล่างกระปุกหรือบนสติ๊กเกอร์เล็กมาก ตัวอักษรจางและบางรุ่นใช้หมึกพิมพ์สีเทา ซึ่งมองเห็นยากมากเมื่ออยู่ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกสีเขียว

.

-ผู้บริโภคทั่วไป โดยเฉพาะในต่างประเทศ หรือผู้ที่ซื้อ “ของฝากยกแพ็ก” มักไม่ทราบว่าผลิตภัณฑ์มีเลขล็อตกำกับไว้ตรงไหน

.

-ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ เช่น Shopee / Lazada / TikTok Shop มักไม่มีภาพชัดเจนของเลขล็อตในหน้า Product Listing

.

2. การสื่อสารของบริษัท: พยายามจำกัดวง แต่ยังไม่พอ

.

.

-มีการออก ภาพประกาศเทียบล็อตปลอดภัย vs. ล็อตเรียกคืน ในเพจ Facebook ของบริษัท

.

3. พฤติกรรมผู้บริโภคหลังข่าว

.

ผู้บริโภคในไทยและต่างประเทศบางส่วน โยงเหมารวมทั้งผลิตภัณฑ์ เพราะไม่มั่นใจในระบบตรวจสอบ

.

มีรายงานอ้างว่า ร้านค้าบางแห่ง เช่น ร้านของฝาก สนามบิน และร้านค้าในมาเลเซีย-สิงคโปร์ ถอดสินค้าหงส์ไทยทุกรุ่นชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

.

-การเหมารวมจึงเกิดขึ้น “โดยพฤติกรรมตลาด” มากกว่าตามข้อเท็จจริง

.

🟥 ผลกระทบที่อาจจะเกิดกับยาดมหงส์ไทย

1.ผลกระทบด้านสุขภาพ(ต่อผู้บริโภคโดยตรง)

• ความเสี่ยงจากเชื้อ Clostridium spp.
  เป็นกลุ่มแบคทีเรียที่สามารถสร้างสปอร์ได้ บางสายพันธุ์ (เช่น C. perfringens หรือ C. botulinum) อาจทำให้เกิดอาการตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน ไปจนถึงภาวะติดเชื้อรุนแรงในระบบทางเดินหายใจหากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากหรือในกลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ
• ผลต่อผู้แพ้ง่ายหรือมีโรคประจำตัว
  ผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด หรือโรคภูมิแพ้ อาจเกิดการระคายเคืองจากการสูดดมเชื้อจุลินทรีย์หรือสปอร์ที่ปนเปื้อนในเนื้อยาดม
• ผลกระทบต่อผู้บริโภคต่างประเทศ
  เพราะยาดมหงส์ไทยเป็น “ของฝากยอดนิยม” นักท่องเที่ยวในสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกงอาจมีสินค้าในครอบครองโดยไม่ทราบข่าว ทำให้ต้องมีประกาศเตือนในหลายประเทศ (เช่น CNA, The Straits Times, NST มาเลเซีย)

2.ผลกระทบด้านธุรกิจและแบรนด์ (ต่อบริษัทหงส์ไทยและซัพพลายเชน)

• การเรียกคืนล็อตผลิต ≈ 200,000 กระปุก สร้างภาระค่าใช้จ่ายหลายล้านบาท ทั้งค่าทำลายสินค้า ค่าขนส่ง และค่าชดเชยให้ตัวแทนจำหน่าย
• กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
  โดยเฉพาะในตลาดส่งออกที่มองไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าสมุนไพรปลอดภัย เช่น ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งอาจลดการสั่งซื้อชั่วคราวเพื่อรอผลสอบสวน
• ความเสี่ยงทางกฎหมายและมาตรฐาน GMP
  อย. ไทยมีสิทธิ์สั่งพักใช้ใบอนุญาตผลิตบางส่วนหากพบความบกพร่องด้านกระบวนการฆ่าเชื้อ ส่งผลต่อการผลิตรุ่นถัดไป

3.ผลกระทบต่อภาพลักษณ์อุตสาหกรรมสมุนไพรไทย

• กระทบต่อความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ “Thai Herbal Brand”
  สื่อต่างประเทศ เช่น Mothership และ Lao Times เน้นว่า Hong Thai เป็นแบรนด์ “ของฝากจากไทย” จึงทำให้ข่าวนี้สะท้อนต่อภาพลักษณ์สินค้าสมุนไพรทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะแบรนด์เดียว
• แรงกดดันให้หน่วยงานรัฐปรับมาตรฐาน
  อย. และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อาจต้องทบทวนมาตรฐานการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเฉพาะสินค้าประเภท “สูดดม / พ่น / หายใจเข้า”
• ผลกระทบต่อการส่งออกสมุนไพรไทย
  ประเทศคู่ค้า (เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือ ออสเตรเลีย) อาจเพิ่มขั้นตอนตรวจสินค้าก่อนอนุญาตนำเข้าในระยะสั้น กระทบยอดขายของแบรนด์อื่นด้วย

อ้างอิง : มติชนออนไลน์ / Mgr Online / The Straits Times / The Straits Times CNA Laotian Times / NST Online / India Today /

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline