หลังจากเหล่าคอเกมต้องเผชิญกับข่าวเศร้าจากการประกาศแยกทางกันระหว่างเกมฟุตบอลระดับตำนานอย่างเกม FIFA และค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง EA ล่าสุดก็ได้มีข่าวดีที่สร้างความเซอร์ไพรส์ไปทั่วโลก เพราะผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นพันธมิตรรายใหม่ไม่ใช่แค่ค่ายเกมทั่วไป แต่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านสตรีมมิ่งระดับโลกซึ่งก้าวถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งอุตสาหกรรมบันเทิงและฐานผู้เล่นทั่วโลก
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ประกาศว่า เกม FIFA ภาคต่อไปจะย้ายแพลตฟอร์มไปอยู่ในมือของ Netflix ที่กำลังรุกคืบเข้าสู่อุตสาหกรรมเกมอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ FIFA เข้าถึงฐานผู้เล่นในยุคดิจิทัลที่กว้างขวางและหลากหลายกว่าที่เคยเป็นมา
โดยครั้งนี้ Netflix ได้มอบหมายให้ Delphi Interactive สตูดิโอเกมจากแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้รับผิดชอบการสร้างเกมภาคใหม่ ซึ่งถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของสตูดิโอ เนื่องค่ายเกมค่ายนี้ยังไม่เคยปล่อยผลงานเกมเต็มรูปแบบสู่ตลาดมาก่อน (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาเกม James Bond 007: First Light)
ด้าน แคสเปอร์ เดาการ์ด หัวเรือใหญ่ของ Delphi ยืนยันว่าในฐานะที่ทีมงานทุกคนเป็นแฟนบอลตัวยง จึงตั้งเป้าจะทำให้เกม FIFA ภาคใหม่นี้เป็นเกมฟุตบอลที่สนุกและเข้าถึงง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดจากดีลนี้คือคำยืนยันจาก จานนี่ อินฟานติโน่ ประธาน FIFA ที่ระบุว่าเกมนี้จะเปิดให้ “สมาชิก Netflix เล่นได้ฟรี” โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งนับเป็นยุทธศาสตร์ที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ จากภาคก่อนๆ ที่ผู้เล่นต้องซื้อแผ่นเกมหรือจ่ายเงินล่วงหน้า
ตัวเกมจะรองรับการเล่นผ่านแอปพลิเคชัน Netflix บนอุปกรณ์ iOS และ Android รวมถึงสามารถเล่นบนโทรทัศน์ที่รองรับ โดยใช้สมาร์ทโฟนทำหน้าที่เป็นจอยคอนโทรลเลอร์ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการเล่นเกมของคนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวกและพกพาได้ โดยมีกำหนดเปิดตัวในช่วงก่อนเริ่มฟุตบอลโลกปี 2026
การปรับทิศทางมาเน้นตลาดมือถือ (Mobile-first) ภายใต้ชายคา Netflix นำมาซึ่งความกังวลจากกลุ่มเกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์ที่ตั้งคำถามผ่านโซเชียลมีเดียว่า คุณภาพของเกมจะสามารถเทียบเคียงกับมาตรฐานที่ EA เคยสร้างไว้ตลอด 30 ปีได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังมีแฟนเกมอีกส่วนที่มองว่านี่คือโอกาสดีที่จะได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ และรูปแบบการเล่นที่ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ
การเปิดตัวเกม FIFA ในปี 2026 จึงไม่ใช่เพียงแค่การกลับมาของชื่อที่คุ้นเคย แต่คือการเดิมพันครั้งสำคัญของ FIFA ในการสร้างนิยามใหม่ให้กับ “ฟุตบอลดิจิทัล” ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด
แม้จะยังมีข้อสงสัยจากฐานแฟนคลับรุ่นเก่า แต่การเข้าถึงสมาชิกนับร้อยล้านคนของ Netflix ประกอบกับกระแสฟุตบอลโลก 2026 ก็ถือเป็นแต้มต่อที่น่าจับตามองว่าก้าวเดินใหม่นี้จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการเกมได้สำเร็จหรือไม่
สำหรับเกม FIFA และค่ายเกม EA เคยร่วมสร้างประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 30 ปี แต่มีอันต้องแยกทางแบบจบไม่สวยจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องค่าลิขสิทธิ์ที่สูงลิบ จนทำให้ EA ตัดสินใจรีแบรนด์เกมของตนเองใหม่ในชื่อ “EA Sports FC” ซึ่งยังคงครองความนิยมเป็นอันดับ 1 ในปัจจุบัน
ทิ้งให้เกม FIFA ต้องว่างเว้นจากวงการเกมไปนานหลายปี ก่อนจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในฐานะเกมสตรีมมิ่งที่เล่นได้ฟรีบน Netflix ในเร็วๆ นี้ / bbc