หลังปิดฤดูกาลทุกครั้ง ที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกตั้งตารอ คือความคืบหน้าของนักเตะคนโปรด ว่าจะเลือกอยู่ต่อกับต้นสังกัดเดิม หรือขอไปเริ่มต้นกับสโมสรใหม่ ซึ่งถ้าเลือกอย่างหลัง ยังมีประเด็นให้ตามต่ออีกว่า ที่มาของการเลือกไปคืออะไร แน่นอนว่าสาเหตุมีมากกว่าแค่ “ไปหาความท้าทายใหม่ๆ” เหมือนกับที่ล่าสุด Cristiano Ronaldo ย้ายไป Juventus
หากเป็นนักเตะคนอื่น ข่าวการย้ายทีมครั้งนี้ คงถูกกลืนหายไปท่ามกลางกระแสฟุตบอลโลก 2018 แต่เพราะเป็น Ronaldo การย้ายจาก Real Madrid ไปอยู่กับ “ไอ้ม้าลาย” จึงเรียกความสนใจจากสื่อทั่วโลกในบรรยากาศ Worldcup 2018 Fever ได้ไม่แพ้ ปรากฏการณ์ฟอร์มตกของบรรดาแชมป์เก่า และสายตาที่จับจ้องไปยัง Kylian MBappe นักเตะดาวรุ่งระดับ World Class คนใหม่ของฝรั่งเศส
ที่หมายการค้าแข้งแห่งล่าสุด ที่เกือบเคยเป็นจุดเริ่มต้น
10 กรกฎาคมคือวันที่ทั้งโลกได้รู้ว่า Ronaldo ย้ายไป Juventus หลังสโมสรดังของอิลาลีแถลงว่า กัปตันทีมชาติโปรตุเกสวัย 33 ปี ย้ายมาด้วยค่าตัว 100 ล้านเหรียญยูโร (ราว 3,900 ล้านบาท) พร้อมสัญญา 4 ปี แต่รู้หรือไม่ในอดีต ทั้งสองฝ่ายเคยเกือบได้ร่วมงานกันมาแล้ว
เมื่อปี 2003 Luciano Moggi อดีตผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของ Juventus เล็งคว้าตัว ดาวรุ่งของ Sporting Lisbon ในขณะนั้นมาเสริมทัพ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า Marcelo Salas ศูนย์หน้าชาวชิลี ต้องย้ายไปอยู่กับสโมสรหลัง แต่ Calas ขอปฏิเสธ จน Ronaldo เลือกไปเล่นให้กับ Manchester United แทน ซึ่งจากนั้นคือประวัติศาสตร์เพราะฝีเท้าของเขา ดีขึ้นระหว่างเล่นให้ “ปีศาจแดง” และสุดยอดยิ่งขึ้นเมื่อย้ายไป Real Madrid
ทว่าก็น่าคิดว่าถ้า Ronaldo ลงเอยกับ Juventus เร็วกว่านี้ อดีตนักเตะเยาวชนฐานะยากจนจากเกาะ Madeira จะพัฒนาชั้นเชิงลูกหนัง จนกระทั่งคว้า รางวัล Ball ‘On Dor มาแล้ว 5 สมัยได้หรือไม่ เราจะได้เห็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง Ronaldo หรือ Lionel Messi หรือไม่ และภาพรวมวงการฟุตบอลโลกตลอด 15 ปีมานี้ จะต่างจากไปมากน้อยแค่ไหน
มากกว่าค่าเหนื่อยกับถ้วยแชมป์ คือฟุตบอลโลกครั้งหน้าและต่อเวลา “แบรนด์ Ronaldo”
ด้วยวัยที่มากขึ้นกับความสำเร็จที่นักเตะร่วมรุ่นต้องอิจฉา Ronaldo คงไม่ถูกครหา ถ้าเลือกย้ายออกจากถิ่น Santiago Bernabeu ไปอยู่กับสโมสรเงินหนาสักแห่งใน League ของประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต หรือชาติที่มีความมั่งคั่ง เช่นจีนหรือแถบอาหรับ รวมไปถึง League ชั้นนำระดับทวีปนอกยุโรปอย่าง J-League ของญี่ปุ่น ที่นักเตะหลายคนทำกัน เมื่อถึงช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง
ดังนั้นการเลือก Juventus ก็เป็นการประกาศแล้วว่า กัปตันทีมชาติโปรตุเกสชุดแชมป์ Euro 2016 ยังกระหายความสำเร็จ อยากพาสโมสรดังแห่งเมือง Turin คว้าแชมป์ทุกรายการ แน่นอนว่ารวมถึงแชมป์ Uefa Champions League ด้วย โดยเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนี้ ตัวเขาเองต้องรักษาร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ และหาก Keep Fit ได้ต่ออีก 4 ปี เราอาจได้เห็น นักเตะผู้นี้ไปโชว์ฟอร์มเก๋าในฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์
การอยู่ใน League ดังต่ออีกอย่างน้อย 4 ปี ยังทำให้ Ronaldo ทำเงินได้ต่อเนื่องจากการเป็น Presenter และ Brand Endorser อีกด้วย
Deal of the Century ของ Juventus ที่มาถูกที่ถูกเวลา
การไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ของทีมชาติอิตาลี ทำให้วงการฟุตบอล “ดินแดนรองเท้ารองเท้าบู๊ต” ถูกมองว่าเป็นช่วงขาลง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก 10 ปีที่ผ่าน Calcio Serie A การแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศ แทบไม่มีทีมที่แกร่งพอในการคว้า Uefa Champions League โดยหลักฐานคือ Inter Milan เป็นเพียงสโมสรเดียวจากอิตาลีที่ทำได้ในฤดูกาล 2009-10
ดังนั้นที่ Ronaldo ย้ายมา Juventus สื่ออิตาลีเรียกว่า การซื้อนักเตะครั้งสำคัญของศตวรรษ (Deal of the Century) เพราะนี่ไม่ได้สำคัญต่อแผน Rebrand ให้กลับมาได้รับนิยม เข้าถึงคนหมู่มากยิ่งขึ้นหลังการเปลี่ยน Logo ใหม่เมื่อฤดูกาล 2017-18 และการคว้าถ้วยยุโรปอีกครั้งของ Juventus เท่านั้น (ครั้งล่าสุดคือปี 1995-96) แต่ยังดีต่อ Calcio Serie A โดยรวมด้วย
หลักฐานรองรับว่าผู้บริหารของ Juventus คิดถูก คือการที่หุ้นของสโมสร ปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่มีข่าวลือ Deal นี้ ท่ามกลางการลดลงของหุ้นบริษัทส่วนใหญ่ในอิตาลี
และล่าสุดคือการที่ชุดแข่งฤดูกาลใหม่ของสโมสรที่ปักชื่อ Ronaldo พร้อมหมายเลข 7 ขายไปได้แล้วกว่า 520,000 ตัว คิดเป็นเงินราว 55 ล้านยูโร (ราว 2,145 ล้านบาท) หรือเกินครึ่งหนึ่งของค่าตัวการย้ายทีมแล้ว
จับตาดู Ronaldo Effect
ที่ต้องจับตาดูกันต่อจากนี้คือผลกระทบ และแรงกระเพื่อมต่างๆ หลัง Ronaldo ย้ายไป Juventus เริ่มจากต้นสังกัดใหม่จะปรับทัพอย่างไรให้ลงตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ Gonzalo Higuain อาจต้องย้ายออกไป เพราะไม่ลงรอยกับ Ronaldo เป็นทุนเดิมตั้งแต่เล่นสมัยอยู่ Real Madrid ตามด้วยยอดขายตั๋วที่เพิ่มขึ้นและ Sponsor รายใหม่ๆ ที่จะเข้ามายัง Juventus หาก “จอมถล่มประตูชาวโปรตุเกส” พาสโมสรคว้าแชมป์ยุโรปได้จริงๆ
นอกจากนี้ Ronaldo Effect ยังทำให้ตลาดซื้อขายนักเตะคึกคักขึ้น เพราะระดับ Real Madrid คงไม่ปล่อยตัว Ronaldo โดยปราศจากแผนรองรับ
จึงมีความเป็นได้ว่า นักเตะชั้นนำหรือนักฟุตบอลที่แจ้งเกิดเต็มตัวในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อย่าง Eden Harzard ,Harry Kane หรือ Mbappe อาจได้ย้ายไปอยู่กับ “ราชันชุดขาว” / cnn ,bbc ,wikipedia
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ