MONO29 ปรับทัพ เปลี่ยนกลยุทธ์ เข้มด้วยข่าว แกร่งด้วยทีมงานมืออาชีพ
ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน หลายคนคงไม่คาดคิดว่าช่อง MONO29 ของบิ๊กบอส พิชญ์ โพธารามิก เจ้าของธุรกิจในเครือโมโนกรุ๊ปและจัสมิน จะสามารถเบียดช่องใหญ่เจ้าถิ่น ขี้นไปยืนผงาดเป็นช่องที่มีเรตติ้งติดอันดับ Top 5 ได้ตั้งแต่ช่วง 3 ปีแรก
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อต้นปี 2561 ยังเบียดช่องเวิร์คพอยท์ขึ้นมาเป็น Top 3 และในปี 2562 นี้ ช่อง MONO29 ยังสามารถครองอันดับ 3 รองจากช่อง 7 และ 3 ได้อย่างมั่นคง ตามสโลแกน “หนังดี ซีรีส์ดัง” ที่พร้อมเสิร์ฟภาพยนตร์และซีรีส์ให้ดูฟรีตลอดทั้งวัน ซึ่งคือ Key Success ที่สำคัญของช่องนี้
แต่แล้ววันนี้ บรรณสิทธิ์ รักวงษ์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 ไม่ต้องการให้เป็นช่องที่ให้ความบันเทิงอย่างเดียวเท่านั้น เขาต้องการเพิ่มช่วงข่าวของช่องให้ได้รับความนิยมควบคู่กับความบันเทิงด้วย ตามสโลแกน “MONO29 NEWS สร้างสรรค์ มีสาระ เข้าใจง่าย” ให้กับผู้ชมของสถานีด้วย นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ เพราะในสมรภูมิข่าวทุกวันนี้แข่งขันกันอย่างดุเดือดตลอดทั้งวัน
ดังนั้น การลงมาต่อสู้ในสนามข่าวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของช่อง MONO29 แต่เมื่อตัดสินใจลงสู้แล้ว กลยุทธ์ของช่อง MONO29 จึงต้องเด็ดและแตกต่างไม่เหมือนใคร เพื่อที่ให้ช่วงข่าวของสถานีประสบความสำเร็จ
บรรณสิทธิ์ รักวงษ์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 ได้เล่าให้ Marketeer ฟังว่า
“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ช่อง MONO29 ให้ความสำคัญกับรายการข่าวเช้ามาโดยตลอด ครั้งนี้จึงเป็นโจทย์สำคัญว่าทำอย่างไรที่เราจะให้ผู้ชมรู้ว่าช่อง MONO29 ก็มีรายการข่าวเหมือนกับช่องอื่นๆ และยังมีการนำเสนอที่แตกต่าง แบบมีสาระครบถ้วนทุกด้าน เพื่อให้ผู้ชมที่เปิดเข้ามาที่ช่องนี้ตั้งแต่เช้าสามารถดูความบันเทิงต่ออย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเปลี่ยนช่องไปไหนเลย
วันนี้จึงเป็นที่มาของการปรับทัพรายการข่าวและผู้ประกาศข่าวของสถานีครั้งสำคัญในรอบ 5 ปี โดยเราจะให้น้ำหนักกับรายการข่าวมากขึ้น ทั้งความเข้มข้นของเนื้อหา รูปแบบการนำเสนอข่าวแบบบอกเล่าเข้าใจง่าย ในขณะที่ช่องข่าวอื่นๆ เน้นเนื้อหาข่าวคล้ายกัน อาทิ ข่าวความรุนแรง ดราม่า การเมือง แต่การนำเสนอข่าวของช่องเราจะขอสร้างเกมของตัวเอง คือ เลือกที่จะไม่เสนอข่าวดุเดือดเลือดพล่าน แต่จะเน้นเนื้อหาที่เป็นสารประโยชน์ ได้ข้อคิดความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ ในรูปแบบการเล่าข่าวให้ฟังเข้าใจง่าย
ที่เราวางคอนเซ็ปต์แบบนี้เพราะต้องการให้เป็นรายการข่าวแนวทางใหม่ๆ โดยจะพยายามทำข่าวที่เข้าถึงได้ง่ายต่อการเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งข่าวสำคัญที่คนจำเป็นต้องรู้ ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างสรรค์งานที่ว่าทำอย่างไรให้คนดูได้ประโยชน์จากทุกๆ เนื้อหาข่าวที่เรานำเสนอ รวมทั้งทีมผู้ประกาศข่าวที่เราปรับใหม่ด้วย ทุกคนจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนรายการข่าวทุกช่วงเวลาให้น่าสนใจและน่าติดตาม เพราะแต่ละคนจะมีบุคลิกการเล่าข่าวที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมารวมกันจะเป็นการเพิ่มพลังในการรายงานข่าวอย่างมากทีเดียวครับ”
ปัจจุบันเรตติ้งช่วงข่าวเช้าของเราจะอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.2 เราตั้งเป้าว่าหลังจากการปรับทัพข่าวแล้วเรตติ้งควรให้ได้ 0.3-0.5 เพื่อติด Top 10 ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้เรายังมีการผนึกกำลังกับสื่อในเครือโมโน กรุ๊ป ทั้งเว็บไซต์เอ็มไทย, Gossip Star, SEEME, โมโนเรดิโอ และสื่ออื่นๆ ที่เรามีผู้ชมและฐานแฟนคลับของแต่ละสื่อทั้งหมดรวมกันมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้รายการข่าวเป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งกิจกรรมที่เราเสริม คือ การเพิ่มการลงพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อเข้าไปใกล้ชิดกับผู้ชมในจังหวัดต่างๆ เพื่อการรายงานข่าวที่ถูกต้องอย่างเข้าอกเข้าใจและเข้าถึงจริงๆ”


ฟันเฟืองสำคัญของรายการข่าวช่อง MONO29

ยุทธศาสตร์ครั้งนี้ คือการจัดกระบวนทัพทีมผู้ประกาศข่าวใหม่หมด นอกจากคอนเทนต์ที่ดีแล้ว ทีมผู้ประกาศข่าวก็มีความสำคัญอย่างมากในการที่จะขับเคลื่อนและทำให้ข่าวมีความน่าสนใจมากขึ้น
ช่อง MONO29 จึงคว้าตัวคนข่าวรุ่นใหม่ชื่อดัง ต๊ะ-พิภู พุ่มแก้วกล้า ที่คลุกคลีในวงการข่าวนานกว่า 10 ปี สำหรับ พิภู หนุ่มวัย 36 ปีคนนี้ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเขาและติดตามผลงานมาบ้างจากบทบาทการเป็นดีเจ ผู้ประกาศข่าว และพิธีกร เช่น ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์, รายการเรื่องเล่าเช้านี้, จีเอ็มเอ็มนิวส์ และพิธีกรรายการต่างๆ อาทิ ฉันรักเมืองไทย, สโมสรสุขภาพ, รายการ Siam Square และรายการ The Standard Daily สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากล้าแกร่งในสังเวียนข่าว
พิภู นั่งแท่นเป็นผู้ประกาศข่าวในรายการ “ข่าวเช้า Good Morning Thailand” ตั้งแต่เวลา 05.30-07.30 น. ร่วมกับอีก 2 ผู้ประกาศข่าว คือ เอก-นนทกฤช กลมกล่อม และ แนนต์-วรวิตา จันทร์หุ่น
ดังนั้น ท่ามกลางการแข่งขันของรายการข่าวเช้า พิภูและทีมรู้ดีเป็นเรื่องยากมากที่จะพลิกเกมของตัวเองให้ดึงดูดผู้ชมอยู่กับรายการข่าวของตัวเอง แต่พิภูบอกว่าก็ไม่ยากจนทำไม่ได้
“เป็นหน้าที่ใหม่ที่หนักอึ้งพอสมควรครับ แต่ผมเชื่อว่าทุกการทำงานไม่มีอะไรง่ายมาก่อนที่จะสำเร็จ การปรับทัพใหม่ครั้งนี้ของช่อง ผมและทีมตั้งใจและทุ่มเท อาจจะไม่เห็นผลในเร็ววันแต่ผมเชื่อว่าความสำเร็จก็ไม่ไกลเกิน ซึ่งสุดท้ายแล้วถ้าคอนเทนต์โดนก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะให้เป็นที่ยอมรับและมีเรตติ้งเพิ่มขึ้นได้”
ดังนั้น ภารกิจสำคัญของพิภูและทีมงานมี 2 เรื่องหลัก คือ
1. ทำอย่างไรให้คนที่ไม่เคยดูข่าวช่อง MONO29 กลับมาดูข่าวเช้าของช่องนี้ แล้วต่อด้วยหนังดี ซีรีส์ดัง และชมข่าวอัพเดตที่น่าสนใจรอบวันอีก
2. ต้องสร้างความแตกต่างในรายการข่าวไม่ให้เหมือนรายการอื่นๆ เพื่อสร้างการรับรู้ว่าข่าวช่อง MONO29 เป็นข่าวน้ำดี ทั้ง 2 เรื่องต้องทำไปพร้อมๆ กัน
เรตติ้งคือหัวใจแต่ต้องเน้น “ปัญญา” มากกว่า “ดราม่า”
พิภู เล่าถึงการตัดสินใจมาทำงานที่ช่อง MONO29ว่า
“ตอนที่ผมมาที่นี่ ใครๆ ก็ถามว่า ทำไมถึงเลือกช่อง MONO29 เพราะไม่ใช่ช่องข่าวที่เป็นทางการ บอกตรงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดถึงที่นี่เลย จนได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารที่ช่อง และได้ให้โอกาสผมได้ใช้ประสบการณ์ของการทำข่าว เข้าไปมีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน ทั้งการคิดการวางแผนในการทำข่าวและการนำเสนอข่าวด้วย รายการข่าวของช่อง MONO29 คือ จะไม่เน้นข่าวข่มขืน ข่าวฆาตกรรม-อาชญากรรม อาจจะมีบ้างแต่จะไม่ลากยาวหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ ถึงแม้ข่าวพวกนี้จะเรียกคนดู เรียกเรตติ้งได้ แต่เราจะไม่ใช้วิธีแบบนี้
ผมและทีมเห็นว่าการเพิ่มในส่วนที่มีสารประโยชน์ในอีกแง่มุมของข่าวขึ้นมาแทน เพื่อให้คนดูข่าวไม่เครียดจนเกินไปดูข่าวจบก็สามารถเปิดดูหนังเพลินๆ ต่อได้เลย และจะมีรายการข่าวที่อัพเดตตลอดทั้งวันด้วย พวกเราอยากเสริมด้วยข่าวที่มีสาระ มีมุมมองที่ดีๆ ให้กับสังคมบ้าง ส่วนข่าวการเมือง ก็จะเป็นการสรุปให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่เน้นการเปิดคลิปคำพูด ที่โต้ตอบกันด้วยคำพูดหยาบคาย หรือโวยวายใส่กัน เราจะพยายามหลีกเลี่ยงการนำเสนอในเรื่องแบบนี้ เพราะถ้าไม่มีใครกล้าเปลี่ยน สังคมไทยก็ไม่เปลี่ยน ถึงแม้คนจะชอบ แต่เมื่อรู้ว่าอาหารจานที่เราจะเสิร์ฟไม่ต่างกับคนอื่นๆ รู้ว่าไม่ดีกับสุขภาพ ทำไมเราไม่เปลี่ยนเป็นเสิร์ฟอะไรที่ขมหน่อย แต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเขาในระยะยาวจะดีกว่าครับ”
นอกจากนี้ ผู้ประกาศข่าวร่วมกับพิภูยังมีอีก 2 คน คือ เอก-นนทกฤช กลมกล่อม อายุ 34 ปี จบการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผ่านการเป็นผู้ประกาศข่าวมาแล้วหลายที่ เช่น ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เดลินิวส์ทีวี, ผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุ Manager Radio, ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ New 18
ส่วน แนนต์-วรวิตา จันทร์หุ่น อายุ 32 ปี จบปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นพิธีกรมาหลายรายการ เช่น พิธีกร satzone โซนมันวันเสาร์, พิธีกรรายการเจาะสนาม @midnight, พิธีกรรายการเที่ยงบันเทิง และเส้นทางบันเทิง ทั้ง เอก และแนนต์ ถือเป็นลูกหม้อเก่าของทางสถานี
นนทกฤช เล่าก่อนว่า
“มีโอกาสได้ทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวของช่อง MONO29 ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกดีใจนะครับ ที่แฟนๆ ชอบรายการข่าวของช่องเรา กับแนวทางการให้รายละเอียดข่าวที่ชัดเจน กระชับและเข้าใจง่าย การเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการข่าวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมเลย เพราะทุกการพัฒนาให้ดีขึ้นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมเชื่อในตัวทีมงานและเพื่อนร่วมงาน ว่าเราจะก้าวไปสู่ความสำเร็จที่เราตั้งใจได้ สำหรับการทำงานร่วมกัน”
วรวิตา เสริมว่า
“ทีมงานวางคอนเซ็ปต์รายการให้เป็นการเล่าข่าวที่ยากให้เข้าใจง่าย เพื่อสื่อสารหรือบอกเล่าให้ผู้ฟังเข้าใจในข่าวได้หลากหลายแง่มุม ซึ่งการทำงานกับคุณต๊ะยอมรับว่าเกร็งมาก แต่ทุกครั้งก่อนทำงานเราก็จะทำการบ้านของสคริปต์ข่าวร่วมกันทั้งสามคน คือ คุณต๊ะ คุณเอก และแนนต์ ทำให้ลดความกังวลและเกร็งไปได้เมื่อเริ่มทำงานจริงค่ะ ตอนนี้ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่เราก็ยังมีปรับข้อบกพร่องกันและกันอยู่ทุกวัน วันไหนมากบ้างวันไหนน้อยบ้างก็แก้กันไปค่ะ เพราะเป็นรายการสดด้วย ความแม่นยำของข่าวต้องเป๊ะที่สุดค่ะ”
ในช่วงเบรกสุดท้ายของข่าวเช้าจะมีผู้ประกาศข่าวอีก 2 คนมาเสริมในช่วงข่าวบันเทิงและช่วงสีสันกำลังใจ คือ เบลล์-เสลาณี ทศพร อายุ 25 ปี จบจากมหาวิทยาลัยศิลปากร หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรม (หลักสูตรนานาชาติ) และบอย-เจษฎา มณีรัตน์ อายุ 35 ปี จบปริญญาตรีจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เบลล์ เผยให้ฟังก่อนว่า
“เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ได้รับมอบหมายในการทำงานผู้ประกาศข่าว ด้วยตัวเองเป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว จึงใช้เวลาไม่นานในการเรียนรู้การทำงานตรงนี้ค่ะ แต่ก็ต้องพัฒนาและเรียนรู้อีกมากพอสมควร ทั้งระบบการทำงานของการเป็นผู้ประกาศข่าวที่มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากๆ ซึ่งเบลล์ก็พร้อมที่จะเรียนรู้จากพี่ๆ และทีมงานค่ะ ส่วนเรื่องของเวลาที่เราต้องทำงานเช้ามากในทุกวัน ตอนนี้ชินและปรับตัวได้แล้วค่ะ พอทำงานเช้าขึ้น ทำให้ทุกวันนี้มีเวลาทำงานมากกว่าเดิมอีกเยอะเลยค่ะ”
“ช่วงสีสันกำลังใจ จะเป็นข่าวสร้างสรรค์ให้กำลังใจคนทำความดี (BIG HERO) ในหลากหลายอาชีพ รวมทั้งพูดคุยกับนักธุรกิจชื่อดัง เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างธุรกิจ สร้างอาชีพ การให้ความรู้ในเรื่องโรคภัยต่างๆ รวมไปถึงข่าวศิลปวัฒนธรรมที่คิดว่าคนดูควรรู้และได้ประโยชน์สูงสุด เนื้อหาอาจจะไม่เป็นกระแสเหมือนใครๆ แต่รับรองว่าเนื้อหาสามารถสร้างแรงใจ เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน”
รายการ “ข่าวเช้า Good Morning Thaland” ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง รูปแบบการนำเสนอข่าวแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 เบรก
นนทกฤช กล่าวว่า
“เบรกแรกของข่าวเช้าประมาณ 35 นาที จะเป็นประเด็นข่าวทั่วไปที่น่าสนใจในวันนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวในประเทศ หรือข่าวต่างประเทศ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอาชญากรรม เอาง่ายๆ ว่าข่าวที่เป็นไฮไลต์อยู่ในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ต้องอยู่ในเบรกแรกอย่างน้อย 2–3 ข่าว เพื่ออัพเดตข่าวที่ได้รับความนิยมและเรื่องที่ต้องรู้ก่อน”
ส่วนข่าวการเมืองจะอยู่ในเบรกนี้จะไม่เอาไปใส่ในช่วงเบรกที่สอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีคนดูมากขึ้น เพราะไม่ต้องการเสี่ยงกับคนที่เบื่อเรื่องการเมืองแล้วเปลี่ยนช่องหนี รวมทั้งในเบรกนี้จะไม่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการตาย หรือเรื่องของความสลดหดหู่ที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นข่าวใหญ่ที่ดังไปทั่วโลกจริงๆ
พิภู เสริมว่า
“เบรกที่สองจะต่อเนื่องจากเบรกแรก เนื้อข่าวจะหนักขึ้นมาหน่อย เช่น เป็นข่าวอาชญากรรมที่อยู่ในความสนใจของผู้คน โดยทุกข่าวพยายามที่จะให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ในรูปแบบการนำเสนอที่ต่างออกไป จะไม่เน้นดราม่า จะไม่เห็นข่าวงูเข้าบ้าน ข่าวขูดต้นไม้ ถูผนังกำแพงหาเลข แบบนั้นจะไม่มีเลยครับ”
เบรกสาม คือ การต่อยอดจากเบรกที่สอง เรื่องไหนเป็น hot issue จะถูกเอามาเป็นประเด็นสัมภาษณ์คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ สั้นๆ ประมาณ 10 นาที เพื่อพูดคุยหาแง่มุมอื่นๆ หรือเป็นการสรุป ให้แง่คิดในข่าวนั้นๆ
“ตอนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเบรกนี้เรามาถูกทางหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับประเด็นและตัวบุคคลที่มาคุยด้วยในแต่ละวัน เพราะบางวันเรตติ้งดีเหลือเชื่อ กลายเป็นช่วงเวลาที่ช่วยดึงเรตติ้งภาพรวมด้วยซ้ำ แต่บางวันก็ลดลงมา แต่โดยรวมแล้วเบรกนี้กลับไม่ใช่ภาระอย่างที่คิด เพราะประเด็นแต่ละวันจะเปลี่ยนไปตลอด ความน่าสนใจมากหรือน้อยผู้ชมต้องตัดสิน เพราะขึ้นอยู่กับผู้ชมที่กดมาดูจริงๆ”
เบรกที่สี่ คือ ข่าวกีฬา เวลาประมาณ 10 นาที เป็นการนำเสนอข่าวกีฬาที่มีจุดต่างจากที่อื่น โดยเน้นข่าวลีกบาสเกตบอลไทยที่กลุ่ม MONO เข้ามาให้การสนับสนุนอย่างจริงจังเป็นหลัก รวมทั้งกีฬาตะกร้อที่เป็นลีกใหม่ที่คนอื่นไม่มี แต่ข่าวกีฬาใหญ่ๆ ที่คนจำนวนมากสนใจและติดตาม ก็ยังรายงานข่าวไปตามปกติ
เบรกที่ห้าและเบรกที่หก คือ ข่าวบันเทิง เวลาประมาณ 12 นาที บอย-เบลล์ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “ได้แบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ส่วน คือมิวสิก, ซีรีส์ และคอนเสิร์ต รวมทั้งจะมีเพิ่มเติมในเรื่องข่าวดาราเอเชีย และดารารอบโลกด้วย ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ของข่าวบันเทิงในแต่ละวันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และตามด้วยช่วงสีสันกำลังใจ เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี
พิภูกล่าวต่ออีกว่า
“แต่ละเช้าเราจะเสิร์ฟอาหารแบบ โอมากาเสะ คือแล้วแต่เชฟจัดให้ ประมาณ 18-20 ข่าว พร้อมๆ กับพยายามที่จะสอดแทรกรสชาติใหม่ๆ เข้าไปบ้าง โดยที่เขาอาจจะไม่คุ้นเคย แต่ต่อไปเขาจะรู้เองว่ามันดี คุ้มค่าที่จะกิน แล้วหากินได้ที่นี่ที่เดียว”
ความมั่นใจในแนวคิดการทำข่าว
พิภู เผยว่า
“หนึ่งเดือนที่ผ่านมาภาพรวมและ ‘Mood & Tone’ ในบรรยากาศต่างๆ ของข่าวและการนำเสนอ พอได้อยู่นะครับ แต่ต้องมีการปรับจูนไปเรื่อยๆ เพื่อหาจุดสมดุลให้มากที่สุด สิ่งที่ต้องทำกันอีกเรื่องคือ ทำอย่างไรให้คอนเทนต์ที่เราทำดี และสามารถเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้ง่าย อาจจะต้องปรับกันอีกสักระยะ เพื่อจะให้ทุกเรื่องเป็นอาหารสมองที่ดีและไม่น่าเบื่อ ทุกคนพร้อมที่จะรับได้”
สำหรับความคาดหวังของพิภูในการมาทำงานในช่องนี้เขาบอกว่ามี 4 เรื่องหลักๆ คือ
“1.ได้ทำข่าวในรูปแบบที่ผมต้องการ 2. ต้องทำในสิ่งที่รับปากผู้บริหารไว้ให้สำเร็จ 3. ผมสามารถสร้างทีมข่าวที่สามารถบอกได้ว่านี่คือทีมข่าวในอุดมคติที่ทุกคนสามารถยอมรับได้ และ 4. สุดท้ายเป็นเหมือนเป้าหมายรองที่ซ่อนอยู่แต่เป็นเป้าหมายหลักของผู้บริหารคือตัวเลขเรตติ้ง ที่แน่นอนเขาต้องคาดหวังให้เพิ่มขึ้นไม่ห่างกันมากกับช่วงเวลาของหนังและซีรีส์”
ลูกหม้อเก่า นนทกฤช คาดหวังว่า
“วิธีการนำเสนอข่าวแบบตรงไปตรงมาไม่ยืดเยื้อจะทำให้กลุ่มแฟนๆ ที่ติดตามเราอยู่แล้วมั่นใจมากขึ้น และยังสามารถขยายฐานคนดูไปยังกลุ่มใหม่ๆ ได้ด้วย เมื่อคนดูมากขึ้นก็อาจจะมีโอกาสขยับเวลาของรายการมากขึ้น เราก็จะมีเวลามากขึ้นในการได้เป็นกระบอกเสียงที่ดีให้กับประชาชนด้วยเช่นกัน”
ส่วน เจษฎา บอกว่า
“ผมอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของเรตติ้ง เมื่อก่อนข่าวบางเรื่องคนดูอาจจะเข้าถึงยาก แต่ตอนนี้เนื้อหาข่าวเปลี่ยนไปหมด พี่ต๊ะเข้ามามีส่วนช่วยในการแนะนำทั้งรูปแบบและเนื้อหาข่าว ที่บังเอิญตรงกับใจของพวกเรา คือเป็นข่าวที่ mass อย่างสร้างสรรค์ และผมก็ต้องการให้มีการพูดถึงว่าดูข่าวของโมโน แล้วคนดูได้อะไรด้วย”
สุดท้าย พิภู ยังย้ำว่า
“วันนี้ผมยังไม่เก่ง อายุงานผมแค่ 10 ปี แต่ผมยังมีไฟ มีประสบการณ์ มีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม และพร้อมที่จะพาทีมงานทำข่าวไปในทิศทางที่เขาอยากทำและสังคมควรจะเป็น การที่ผมเลือกมาทำงานที่นี่เป็นเพราะผมพอใจและมีความสุขในการได้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับคนดูจริงๆ ผมไม่ต้องการอยากเด่น แต่ผมต้องการหาที่ที่ผมมีความสุขในการทำงาน ดังนั้น ถ้ารูปแบบในการทำข่าวเป็นแบบนี้ ผมพร้อมจะลุย”
เมื่อทุกอย่างพร้อมจากความตั้งใจที่เกินร้อยของทุกคน สิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่ไกลเกินคว้าสำหรับทีมข่าวช่อง MONO29 แน่นอน
“กระแสโลก World News” สาระแห่งรอยยิ้ม
ช่อง MONO29 เริ่มปลุกผู้คนให้ตื่นในช่วงเวลา 05.00-05.30 ด้วยรายการ “กระแสโลก World News” รายการข่าวรอบโลกที่ทันสมัยแฝงไปด้วยสาระ และถูกเล่าแบบสบายๆ กับสองพิธีกรอารมณ์ดี “คริสโตเฟอร์ ไรท์” และ “เต้-สุผจญ กลิ่นสุวรรณ”
ในช่วงเวลาเช้ามากๆ ข่าวต่างประเทศที่คนไม่ค่อยชอบ ทำอย่างไรถึงให้ผู้ชมเปิดดูรายการได้ จึงเป็นโจทย์ยากของผู้ประกาศข่าว “คริส” กับ “เต้” และเป็นเรื่องที่ท้าทาย 2 คนนี้ อย่างมากเช่นกัน
ส่วน คริสโตเฟอร์ ไรท์ อายุ 41 ปี จบจากมหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรนานาชาติ คริสเป็นคนที่มีผลงานเขียนดีๆ มากมายหลายเล่ม เช่น “ภาษาอังกฤษแบบฝรั่งเข้าใจคนไทยเก็ท” “คริส เดลิเวอรี่ ชุด 1 พร้อม DVD”, ภาษาอังกฤษแค่คริสก็มันส์แล้ว
ก่อนหน้านี้เต้กับคริสมีรายการที่ทำด้วยกันคือ “ซีนเด็ด…ภาษาหนัง Movie Language” ทางช่อง “MONO29” เป็นรายการสอนภาษาอังกฤษจากการดูหนังให้สนุก เข้าใจง่าย ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้ชม จากนั้นทั้ง 2 คนก็ถูกส่งมาโชว์ฟอร์มต่อที่รายการ “กระแสโลก World News”
“โจทย์ของเราก็คือ ทำอย่างไรให้เนื้อหาสาระของข่าวยังอยู่ แต่ต้องดูได้อย่างสนุกสนาน ดังนั้น ผมกับคริสเป็นเหมือนเชฟที่ต้องปรุงอาหารให้อร่อยมากที่สุดตามวัตถุดิบที่มีอยู่ โดยใช้ความเป็นตัวตนของเราสองคน นำเสนอออกมาผ่านข่าวสารที่น่าสนใจในแต่ละวัน”
ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงถูกแบ่งออกเป็น 2 เบรกคือ
เบรกที่หนึ่ง เป็นประเด็นที่น่าสนใจตามเทรนด์โลก จะรายงานถึงประเด็นหลักแค่ประเด็นเดียวแต่มีหลายๆ ข่าว เช่น เรื่องมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ ก็จะมีการรายงานตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นยังไง องค์การนาซาว่าอย่างไร ปัจจุบันมีการส่งหุ่นยนต์ไปศึกษาอวกาศแทนคนแล้ว กลายเป็น 3 ข่าวแบบนี้ เป็นต้น
เบรกที่สอง จะเป็นข่าวเบาๆ ตามเทรนด์ที่น่าสนใจ เช่น เรื่องของกระแส faceApp ส่วนช่วงท้ายๆ ประมาณ 2-3 นาที จะรวบรวมข่าวที่เป็น Current Affairs จริงๆ ของโลกมานำเสนอก่อนปิดรายการ ทั้ง 2 คน มีความสามารถครบเครื่องโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องความรู้ภาษาอังกฤษ ดังนั้น ระหว่างทางจะมีการสอดแทรกอธิบายคำศัพท์ต่างๆ เพื่อให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น รวมทั้งอธิบายสำนวนที่ใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน, การออกเสียงที่ถูกต้อง กลายเป็นเป็นเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งของรายการนี้
สุผจญ บอกว่าเพื่อความสนุกและน่าตื่นเต้นมากขึ้นเขาต้องการใส่ Effect ประกอบเวลาพูดแซวส่งมุกระหว่างกัน และควรมี Subtitle ขึ้นเป็นบางคำ พร้อมกับภาพประกอบ เพื่อทำให้รายการน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วย
“ตอนนี้เรากำลังหาสิ่งที่พอดี ความสนุกที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ภาษาอังกฤษไม่มากจนคนหนี ไม่น้อยจนคนดูไม่ได้อะไร คนที่ดูช่อง MONO29 คือ คนที่ชอบดูหนัง ชอบความสนุก ความบันเทิง ฉะนั้นเราต้องจับจริตของคนดูให้ได้ว่าชอบแบบไหน”
สุดท้ายสิ่งที่ “สุผจญ-คริส” คาดหวัง “ต้องการเป็น Edutainer ให้ความรู้ ให้ประสบการณ์กับคน ในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความบันเทิงไปด้วย ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราสองคนมี บวกกับแบรนด์ของช่องที่มีเรตติ้งเป็นอันดับ 3 ที่แข็งแรง ทั้งคอนเทนต์และฐานแฟนข่าว จะทำให้ Edutainment ของเราออกสู่สายตาของคนไทยได้มากขึ้น หวังว่าคนไทยจะก้าวทันโลกใบนี้ ไม่ตกเทรนด์ และสามารถพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นสากลได้พร้อมๆ กัน”
ตื่นปุ๊บกดปุ่มช่อง MONO29 ปั๊บ ลองดูว่า “เต้-คริส” จะทำให้คุณได้ยิ้มในตอนเช้าๆ ได้ขนาดไหน ต้องพิสูจน์กัน!!
ห้ามพลาด“เจาะข่าวเด็ด The Day News Update”
จบรายการข่าวเช้า ต่อด้วยความบันเทิงของหนังและซีรีส์ หลังจากนั้นคนดูช่อง MONO29 ก็ไม่ต้องกลัวตกข่าว เพราะในช่วงเวลา 15.20–15.45 น. ยังเป็นช่วงของรายการข่าว “เจาะข่าวเด็ด The Day News Update” ที่มีผู้ประกาศข่าว 2 หนุ่มเป็นผู้รับผิดชอบ คือ เอก-นนทกฤช กลมกล่อม หนึ่งในทีมผู้ประกาศข่าวเช้า และ แบงค์-พบเอก พรพงเมตตา
แบงค์-พบเอก อายุ 28 ปี จบการศึกษาจากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และมีผลงานการเป็นนักข่าว นักแปล และยังเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง MONO29 มาแล้ว 5 ปี
นนทกฤช กล่าวว่า เจาะประเด็นข่าว จะเลือกประเด็นเด่นที่กำลังเป็นกระแส และกำลังอยู่ในความสนใจของคนในวันนั้นเพียงเรื่องเดียวมาลงรายละเอียด โดยเป็นการเล่าสรุปเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดแบบเข้าใจง่ายครบรอบด้าน ถัดมาก็เป็นข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากผู้ที่ตกเป็นข่าวหรือนักวิชาการต่างๆ ในรูปแบบการรายงานข่าวเล่าแบบสรุปความ สั้น กระชับ ทั้งหมดภายใน 15 นาที
“เราเลือกมาประเด็นเดียวก็จริง แต่แน่ใจว่าจะนำเสนอให้ได้รอบด้านครบถ้วน และคนสามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดภายใน 15 นาทีได้อย่างแน่นอน ด้วยรูปแบบที่ผ่อนคลายกว่ารายงานข่าวทั่วไป”
รายการเจาะข่าวเด็ดกับเรื่องเล่าประเด็นร้อนของรายการข่าวเช้าจะแตกต่างกัน
“ข่าวเช้ามีเวลามากกว่าจะเป็นการรายงานความคืบหน้าของประเด็น ซึ่งถ้าเป็นประเด็นใหญ่ จะมีการเชิญผู้เกี่ยวข้องเหตุการณ์หรือนักวิชาการมาร่วมนั่งพูดคุย ซึ่งจะเป็นข้อมูลจากฝ่ายนั้นๆ โดยตรง แต่เจาะข่าวเด็ดเป็นการนำเสนอผ่านผู้สื่อข่าวที่เป็นสื่อกลาง อาจจะมีการไปสัมภาษณ์นักวิชาการเพิ่มเติมโดยนักข่าวในทีม แต่เขาจะเป็นคนเล่าสรุปสุดท้ายด้วยเอง”
บทบาทของพบเอกในสิบนาทีนั้นสำคัญ
แบงค์เล่าว่า 5 นาทีแรกเป็นการอัพเดตข่าวของช่วงเที่ยงกับบ่ายที่เกิดขึ้น ถ้าวันไหนมีประเด็นเด่นๆ ที่นอกเหนือจากส่วนของนนทกฤช ก็จะมารวมในส่วนนี้ คือ ข่าวในประเทศด้านการเมือง (ความคืบหน้าของรัฐบาล), ข่าวในประเทศด้านเศรษฐกิจ (ปากท้องประชาชน / สินค้าเกษตร), ข่าวต่างประเทศ (ความคืบหน้า ความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ), ข่าวกีฬา (ที่ย่อยมาแล้ว สรุปว่าใคร-ทำอะไร-ที่ไหน) และต่อด้วยช่วง “29 life smart” เป็นสกู๊ปพิเศษ 5 วัน 5 content เช่น Innovation / Sport tech / Good health
ดังนั้น ในช่วง 25 นาทีของเจาะข่าวเด็ด จะมี 1 ประเด็นดังที่สุดของวันนั้น มีการอัพเดตข่าวต่างๆ ที่น่าสนใจรอบวัน ต่อด้วยในส่วนสกู๊ปพิเศษ และเทรนด์ต่างๆ ของเรื่องไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ
พบเอก ทำงานที่ MONO29 ตั้งแต่ปีแรกของการเปิดช่อง เมื่อ 5 ปีก่อน สิ่งที่เขาคาดหวังกับการทำงานที่นี่คือ
“ส่วนตัวเป็นคนชอบข่าวต่างประเทศอยู่แล้ว หวังว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสได้นำเสนอข่าวต่างประเทศให้คนไทยมากขึ้น ต้องยอมรับว่าเมื่อพูดถึงข่าวต่างประเทศ คนไทยยังมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวอยู่ แต่จริงๆ ตอนนี้มันเป็น Globalization แล้ว สิ่งที่อยากจะทำคือเป็นผู้ประกาศข่าวที่สามารถนำข่าวต่างประเทศมาถึงคนไทยให้ได้ แล้วคนไทยเข้าใจง่ายทันโลก”
“ข่าวสั้น Motion News”
ในระหว่างวันช่อง MONO29 ยังมีการเสนอข่าวประเด็นรอบวันหรือ Motion News อีก 5 ช่วง ช่วง ละ 3-5 นาที คือ กลางวัน 3 ช่วง และช่วงก่อน 6 โมงเย็น และ 4-5 ทุ่ม เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีความหมายและไม่ง่ายเลย โดยมีผู้ประกาศข่าว แจนโล่-ธนภัทร ศุภวรรณาวิวัฒน์ ทำหน้าที่รายการนี้ แจนโล่ อายุ 32 ปี จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยผ่านการเป็นพิธีกรมาแล้วหลายรายการ เช่น พิธีกรภาคสนามรายการเรื่องจริงผ่านจอ Special, พิธีกรรายการกรุงเทพการกีฬา และการเป็นดีเจ
“ความยากก็คือในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เรามีถึง 4 ข่าว แต่ที่อื่นจะมีเพียงแค่ 2–3 ข่าว ซึ่งผมต้องอ่านให้กระชับและเร็วที่สุด และต้องไม่ให้ผิดด้วย เลยค่อนข้างมีความกดดันอยู่บ้าง บางครั้งเราต้องย่อยคำให้สั้นและรู้เรื่องและต้องมีสมาธิในการอ่านแต่ละครั้งอย่างมาก” สำหรับ ธนภัทร เป็นคนเก่าอีกคนของช่อง ที่มีความคาดหวังว่าคนดูจะได้รับข่าวสารทันท่วงที รวดเร็ว รอบด้านและถูกต้อง ควบคู่ไปกับความบันเทิงของช่องที่พร้อมเสิร์ฟทุกเวลา
“ความคาดหวังผมอยากให้มีคนดูข่าวของช่องเราเยอะๆ ครับ เพราะแต่ละข่าวที่หยิบมานำเสนอเราวิเคราะห์รอบด้านแล้วว่าเป็นประโยชน์กับคนดู และพวกเราตั้งใจกันทำงานกันอย่างมากในแต่ละวัน แข่งกับเวลาที่ต้องรีบนำเสนอข่าวด้วย ในอนาคตพวกเราจะลงพื้นที่เพื่อใกล้ชิดและเป็นกระบอกเสียงให้กับคนในพื้นที่ต่างๆ ด้วย”
เกือบ 24 ชั่วโมง กับรายการข่าวตั้งแต่เช้ามืดยันดึกของช่องMONO29 วันนี้ผนึกกำลังทุกภาคส่วน พร้อมนำเสนอข่าวสารอย่าง สร้างสรรค์ มีสาระ เข้าใจง่าย ให้ทุกคนได้ชมตลอดทั้งวัน สุดท้ายแล้วคาดว่าผู้ชมได้อะไรที่มากกว่าการไม่ “ตกข่าว” ในช่อง MONO29 อย่างแน่นอน
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



