เอเชียยังต้องตั้งการ์ด เจอโควิดระลอกล่าสุดบุกหนัก

เข้าสู่ครึ่งหลังของปี 2021 แล้วแต่โลกก็ยังเผชิญกับการระบาดของโควิดระลอกแล้วระลอกเล่า โดยประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียเหมือนคนไข้ที่ยังต้องเฝ้าดูอาการเพราะกลับไปป่วยอีกครั้ง และในจำนวนนี้มีบางประเทศที่ถึงกับต้องนอนติดเตียงเลยทีเดียว

อินโดนีเซียคือประเทศที่อาการหนักสุดในเอเชีย จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่เกือบ 25,000 คน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากโควิดกลายพันธุ์ จนโรงพยาบาลแทบจะไม่สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยโควิดได้ และห้อง ICU ถูกปรับเป็นห้องที่รักษาผู้ป่วยโควิด

นอกจากนี้ ถังออกซิเจนก็เริ่มขาดแคลน ราคาต่อ 1 ถังในกรุงจาการ์ตาอยู่ที่ 140 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,500 บาท) เพิ่มจาก 50 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,600 บาท) โดยเพื่อระดับควบคุมการระบาดประธานาธิบดี Joko Widodo ได้ขอร้องให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็นและทำงานอยู่บ้าน

ประเทศต่อมาในเอเชียที่สถานการณ์โควิดยังรุนแรงคืออินเดีย ต้นตอการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้านั่นเอง โดยล่าสุดจำนวนผู้เสียชีวิตทะลุ 400,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 200,000 คนเมื่อเมษายน จนห้องเก็บศพในโรงพยาบาลและฌาปนสถานรองรับไม่ไหว ยืนยันได้จากการเผาศพจำนวนมากกลางแจ้งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

มาที่ญี่ปุ่นสถานการณ์ก็ยังน่ากังวล โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 1,700 คน จนนายกรัฐมนตรี Yoshihide Suga เปรยว่าอาจต้องกลับมาจัดโอลิมปิกในสนามปิดเหมือนเดิม เพื่อให้คุมการระบาดในโอลิมปิกที่กำลังจะมีขึ้นปลายเดือนนี้ได้

ส่วนที่เกาหลีใต้ เพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกของญี่ปุ่นสถานการณ์ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน ทั้งที่ในการระบาดรอบแรกเมื่อปีก่อน แม้เผชิญการระบาดแบบกลุ่มจากโบสถ์คริสต์ แต่ก็สกัดได้เร็ว

วันนี้ (2 กรกฎาคม) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเกาหลีใต้ 826 คน ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มากสุดนับตั้งแต่ 7 มกราคม จนรัฐบาลเตรียมกลับมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม จากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเกือบจะผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว

ข้ามไปที่ออสเตรเลียที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลต้า จนเมื่อต้นสัปดาห์นี้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Scott Morrison ต้องสั่งการลงไปให้ฝ่ายปกครองใน 4 เมืองใหญ่คือ Perth Darwin Sydney และ Brisbane ใช้มาตรการล็อกดาวน์

วันนี้ที่ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40 คน โดยนายกรัฐมนตรี Scott Morrison เผยว่า เตรียมใช้มาตรการ 4 ขั้นไปจนถึงปี 2022 เพื่อสกัดการะบาด

นายกรัฐมนตรี Scott Morrison

เช่น เร่งกระจายวัคซีนและลดปริมาณเที่ยวบินจากต่างประเทศลงครึ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้โควิดจากต่างประเทศหรือที่ติดมากับชาวออสเตรเลียที่กลับบ้านเกิด ลามเข้ามาในประเทศได้

อย่างไรก็ตาม จีนกลับเป็นประเทศที่สถานการณ์ทุเลาลงแล้วมากสุด เพราะแม้เป็นจุดเริ่มต้นการระบาดเมื่อปลายปี 2019 และเริ่มรุนแรงในไตรมาสแรกปีถัดมา แต่รัฐบาลก็ทุ่มสรรรพกำลังสกัดการระบาดอย่างได้ผลไปพร้อมกับเร่งผลิตวัคซีน ซึ่งมากถึงขนาดส่งออกไปต่างประเทศได้

ล่าสุดจีนพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพียง 18 คน แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ไม่ประมาทเพราะทราบดีว่าปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการระบาดของโควิดกลายพันธุ์หลายสายพันธุ์ และสถานการณ์ในเอเชียก็ยังน่าเป็นห่าง

มีรายงานว่ารัฐบาลเตรียมงบไว้ 800 ล้านหยวน (ยาวเกือบ 4,000 ล้านบาท) เพื่อให้ฝ่ายปกครองของมณฑลต่าง ๆ รับมือการระบาด

สถานการณ์ทั้งหมดในเอเชียมีขึ้นขณะที่หลายประเทศเผชิญโควิดกลายพันธุ์ แต่การกระจายวัคซีนโดยเฉพาะประเทศที่การเงินการคลังไม่ได้มั่งคั่งหรือกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจไม่ทั่วถึง

นอกจากนี้ หลายประเทศโดยเฉพาะมีโรงงานอุตสาหกรรม คือ ไทย ไต้หวัน มาเลเซีย และเวียดนาม ก็ล้วนเผชิญการระบาดแบบ Cluster จนการสกัดการระบาดลำบากยิ่งขึ้น/theguardian, reuters, worldmonitor, cnn, koreantimes, covidtracker, cna