ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (“MINT”) มีหน้าที่ในการแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบถึงประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้
MINT โดยผ่านบริษัทย่อย ได้ดำเนินการทางกฎหมายในศาลไทยต่อบริษัท แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล, อิงค์ (“Marriott”) เกี่ยวกับโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา (“JW Marriott Phuket”) ซึ่ง MINT เป็นเจ้าของ และบริหารโดยกลุ่มบริษัท Marriott โดย MINT ได้เรียกร้องค่าเสียหายจาก Marriott เป็นจำนวนเงิน 570,605,134 บาท และร้องเรียนว่า Marriott ได้ทำการละเมิดภายใต้กฎหมายไทยดังต่อไปนี้:
- ทำการแข่งขันอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยกับ JW Marriott Phuket ผ่านการดำเนินงานของโรงแรมคู่แข่งอื่น ๆ ภายใต้กลุ่มโรงแรม Marriott
- ใช้สินทรัพย์ของ JW Marriott Phuket เพื่อโฆษณาโรงแรมอื่น ๆ ภายใต้เครือ Marriott ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ JW Marriott Phuket
- นำข้อมูลที่ MINT เป็นเจ้าของและที่เป็นความลับไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อส่งเสริมการขายโรงแรมอื่น ๆ ของ Marriott ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ JW Marriott Phuket และเพื่อผลประโยชน์ของ Marriott ในขณะที่ MINT ได้รับความเสียหาย
- บังคับให้ JW Marriott Phuket รับกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำในจำนวนมาก ผ่านโปรแกรมความภักดีของ Marriott และมีการดำเนินโปรแกรมความภักดีโดยไม่สุจริต และขัดต่อผลประโยชน์ของ MINT ในฐานะเจ้าของโรงแรม
- ไม่สามารถบริหาร JW Marriott Phuket ในการที่จะปกป้องและเป็นประโยชน์กับเจ้าของโรงแรมได้อย่างเหมาะสม ซึ่งรวมถึงการดำเนินงานด้านการจัดซื้อที่ไม่มีประสิทธิภาพของ Marriott, การลาออกของพนักงานในอัตราที่สูง และการตัดสินใจในด้านการขายและการตลาดที่ก่อให้เกิดความเสียหาย และ
- เพิ่มมูลค่าให้กับ Marriott อย่างไม่เหมาะสม ด้วยค่าใช้จ่ายของโรงแรมและ MINT ด้วยการเก็บค่าสิทธิ์, การรับส่วนลดเงินคืนจากบริษัทคู่ค้า และการใช้เงินในกองทุนโปรแกรมความภักดีของ Marriott อย่างไม่โปร่งใส
คำตัดสินครั้งล่าสุดของศาลไทยสามารถยืนยันถึงสิทธิของ MINT อีกครั้ง ในการดำเนินคดีฟ้องร้องทางกฎหมายกับ Marriott ในศาลไทยและภายใต้กฎหมายไทย โดยคำตัดสินของศาลดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งคำยืนยันถึงเขตอำนาจและกฎหมายภายใต้ศาลไทย แม้ว่า Marriott จะพยายามอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าของโรงแรมสัญชาติไทยฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อให้ Marriott รับผิดชอบต่อการกระทำในประเทศไทย MINT มีความเข้าใจว่าเจ้าของโรงแรมภายใต้การบริหารของ Marriott รายอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงเจ้าของโรงแรมในประเทศไทย มีการติดตามความคืบหน้าของคดีความดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลไทยในครั้งนี้จะช่วยสร้างกำลังใจต่อเจ้าของโรงแรมชาวไทยรายอื่น ๆ ที่ต้องการที่จะมั่นใจว่า Marriott จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนภายใต้กฎหมายไทยและในศาลไทย อย่างไรก็ตาม MINT ได้ทราบมาว่ามีเจ้าของโรงแรมชาวไทยอย่างน้อยหนึ่งรายที่ยกเลิกสัญญาการบริหารจัดการโรงแรมกับ Marriott และมีการคาดการณ์ว่าเจ้าของโรงแรมรายอื่น ๆ จะมีการดำเนินการในแบบเดียวกันในอีกไม่ช้า นอกจากนี้ MINT ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมงานกฎหมายของบริษัทผ่านการแต่งตั้ง BH2I ซึ่งเป็นบริษัทกฎหมายที่มีทนายความที่มากด้วยประสบการณ์ในกฎหมายด้านที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายเพิ่มเติมในการดำเนินคดีความทางกฎหมายกับ Marriott เพื่อให้มั่นใจว่า MINT และเจ้าของโรงแรมภายใต้การบริหารงานโดย Marriott รายอื่น ๆ จะได้รับผลการตัดสินที่ดี
นายสตีเฟ่น ฮอยนาสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์และกลุ่มงานกฎหมาย กล่าวว่า “Marriott ดูเหมือนจะหมดหวังในการหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับข้อเรียกร้องทางกฎหมายไทยในศาลไทย ถึงแม้ว่าโรงแรม JW Marriott Phuket จะตั้งอยู่ในประเทศไทยและมีเจ้าของที่เป็นสัญชาติไทย อีกทั้งด้วยฐานธุรกิจของ Marriott ในประเทศไทย เราจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ Marriott ได้พยายามอย่างหนักในการใช้เงื่อนไขต่าง ๆ ในสัญญาเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อการดำเนินกฎหมายในศาลไทย อย่างไรก็ตาม MINT มีความมั่นใจเป็นอย่างมากในระบบการดำเนินงานของศาลไทยและมีความคาดหวังในทุกผลการตัดสินในการดำเนินการทางกฎหมายกับ Marriott ในศาลไทยในครั้งนี้”
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท: บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ MINT ดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีทมากกว่า 520 แห่ง ภายใต้แบรนด์ อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช, นาว, เอเลวาน่า, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส และเรดิสัน บลู ใน 56 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,300 สาขา ใน 24 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์, เบนิฮานา, ไทย เอ็กซ์เพรส, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน และเบอร์เกอร์ คิง อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และรับจ้างผลิต ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ อเนลโล่, เบิร์กฮอฟฟ์, โบเดิ้ม, บอสสินี่, ชาร์ล แอนด์ คีธ, เอสปรี, โจเซฟ โจเซฟ, แรทลีย์, สวิลลิ่ง เจ. เอ. เฮ็งเคิลส์ และไมเนอร์ สมาร์ท คิดส์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.minor.com
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



