Lockdown โหมดใหม่ใน iPhone ช่วยสกัดล้วงข้อมูล เพิ่มความปลอดภัยยุคแฮกเกอร์ป่วน

Apple เตรียมเปิดใช้โหมด Lockdown ใน iPhone เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางข้อมูลของกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นบุคคลชั้นนำ เช่น ผู้บริหารประเทศ และนักการเมืองระดับสูง รวมไปถึงนักข่าว ในยุคที่ภัยไซเบอร์และการล้วงข้อมูลทวีความรุนแรง

ช่วงไม่กี่ปีมานี้การเข้าถึงและล้วงข้อมูลซึ่งเปิดทางให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ใด ๆ ก็ตามที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจากระยะไกล และฝ่ายแฮกเกอร์อาจได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลฝ่ายตรงข้ามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

หนึ่งในบริษัทที่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงมากสุดคือ Apple เพราะ Gadget ตระกูล i อันได้แก่ iPhone และ iPad รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ตระกูล Mac ทั้งแบบตั้งโต๊ะและพกพา มีผู้ใช้อยู่ทั่วโลกและใช้รหัสล็อกเดียวกัน ดังนั้นเมื่อแฮกเกอร์ล่วงรู้รหัสก็สามารถล้วงข้อมูลของผู้ใช้ได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ บรรดาแฮกเกอร์ยังทำงานง่ายขึ้น เพราะมีบริษัทพัฒนาโปรแกรมสอดแนมหรือที่เรียกว่า Spyware ขึ้นมา โดยกรณีที่กลายเป็นข่าวครึกโครมคือ ที่สื่อตะวันตกสำนักใหญ่ ๆ อย่าง The Guardian BBC และ CNN รายงานว่า Spyware ที่ชื่อ Pegasus ของ NSO บริษัทอิสราเอลพัฒนาที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ติดตามและจับกุมกลุ่มก่อการร้ายและอาชญากรไซเบอร์ โดยเฉพาะล่อลวงเด็ก ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

รายงานดังกล่าวระบุว่ารัฐบาลหลายประเทศได้ว่าจ้างให้แฮกเกอร์ใช้ Pegasus สอดแนมกลุ่มต่อต้าน นักการเมืองระดับสูงของรัฐบาลประเทศปฏิปักษ์ รวมไปถึงนักสิทธิมนุษยชน และนักข่าวสายสืบสวน โดย Apple เผยว่าได้แจ้งเจ้าของ iPhone ที่เป็นบุคคลระดับสูงหรือนักข่าวใน 150 ประเทศให้ระวังการโจมตีจาก Spyware

เมื่อไม่นานมานี้ยังมีรายงานออกมาอีกว่า Spyware มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยสามารถเจาะระบบรักษาความปลอดภัยได้ผ่าน Link ซึ่งปรากฏขึ้นใน Gadget ทั้งที่เจ้าของ Gadget ยังไม่ได้ Click ใด ๆ หรือที่เรียกว่า Zero click

ฝ่าย Apple ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันภัยไซเบอร์เหล่านี้และได้มีการฟ้องร้อง NSO ด้วย โดยล่าสุดได้มีการพัฒนาLockdownโหมดรักษาความปลอดภัยตัวใหม่ขึ้น ที่จะปิด Feature ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ให้แฮกเกอร์เจาะเข้ามาและล้วงข้อมูลไป รวมไปถึงการควบคุม Gadget จากระยะไกล และฝังโปรแกรมสอดแนมเอาไว้ได้

Apple จะเริ่มทยอยปล่อย Lockdown ให้เจ้าของ iPhone และ Gadget ในเครือได้ลองใช้ในเร็ว ๆ นี้ และจะกระจายให้ใช้ทั่วไปภายในฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง ซึ่งตรงกลับปลายกันยายนนี้

โดยไม่ได้เป็นโหมดที่ติดตั้งเป็นค่าตั้งต้น (Default) เอาไว้ แต่เจ้าของ Gadget ต้องเปิดใช้ด้วยตัวเอง และคาดว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นบุคคลระดับสูงของประเทศต่าง ๆ เช่น นักการเมือง นักข่าว และนักสิทธิมนุษยชน ที่ตกเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์นั่นเอง