Tom Ford ทำความรู้จักดีไซเนอร์เทสต์เฉียบผู้ปลุกปั้นแบรนด์ดัง

ฝรั่งเศสกับอิตาลี คือประเทศที่มีแบรนด์และดีไซเนอร์ดัง ๆ อยู่มากมาย แต่แฟชั่นยุโรปก็ไม่ต่างจากแวดวงอื่น ๆ ที่มีคนนอกเปี่ยมความมุ่งมั่นฝีมือดี ฝ่าฟันอุปสรรคและแรงกดดันจนคนในยอมรับ เหมือนเช่นที่Tom Fordทำได้

ผลงานในแวดวงแฟชั่นยุโรปที่Tom Fordฝากฝีมือไว้ให้ประจักษ์คือการปลุก Gucci ของอิตาลีให้ฟื้นและรุ่งสุด ๆ จนมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นมหาศาล

Tom Ford

แถมหลังจากนั้นเขาก็ยังดังขึ้นไปได้อีกจากการปั้นแบรนด์ในชื่อตัวเองขึ้นมา และประสบความสำเร็จให้ชาวอเมริกันได้ร่วมภูมิใจ ถึงขนาดมีการแต่งเพลงในชื่อของเขาออกมากันเลยทีเดียว

Tom Fordเกิดเมื่อ 27 สิงหาคม 1961 ที่เมืองออสติน รัฐเทกซัส ในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มสนใจแฟชั่นและแต่งตัวดีแต่เด็กจนแม่ไว้ใจให้ช่วยดูเรื่องการแต่งตัว

ความสนใจในเรื่องศิลปะและแฟชั่นทำให้เขาตัดสินใจไปเรียนต่อในด้านนี้ แต่ก็ดันหลงแสงสีเสียงยุคดิสโก้ ระหว่างสิ้นยุค 70 ถึงส่วนใหญ่ของยุค 80 จนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ประกอบกับหันไปมุ่งกับการเป็นนายแบบโฆษณามากกว่า จนเสียการเรียนทำให้ต้องลาออกจากสถาบันศึกษา 2 แห่งช่วงวัยรุ่น

ทว่าก็ไม่ได้เสียเปล่าไปทั้งหมด เพราะทำให้เขาได้รู้ว่าตนเป็นเกย์ และแฟชั่นยุคดิสโก้ก็เป็นแรงบันดาลใจสำคัญต่อผลงานของเขาในเวลาต่อมานั่นเอง

ที่สุดTom Fordก็เรียกสมาธิกลับมาและจบปริญญาตรีคณะสถาปัตย์ได้ แต่เลือกที่จะใช้ความรู้ด้านการออกแบบไปกับเสื้อผ้าและแฟชั่นแทน

งานแรกในวงการแฟชั่นของTom Fordคือ เด็กฝึกงานและพนักงานประชาสัมพันธ์ระดับล่างของ Chloѐ แบรนด์แฟชั่นฝรั่งเศส และจากนั้นไม่นานก็ได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยของ Cathy Hardwick ดีไซเนอร์ร่วมชาติ

Tom Ford ทุ่มเททำงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแวดวงแฟชั่นอย่างต่อเนื่อง พอปลายยุค 80 ก็ย้ายงานอีกครั้งเพื่อไปอยู่กับ Perry Ellis แบรนด์แฟชั่นอเมริกัน ซึ่งเป็นโอกาสให้เขาได้รู้จักกับ Robert McDonald ผู้บริหารแบรนด์ Marc Jacobs

และช่วงนี้เองที่เขาตระหนักว่าต้องไปทำงานกับแบรนด์ยุโรปเพื่อหาแรงบันดาลใจกับสไตล์ใหม่ ๆ พร้อมสลัดทิ้งสไตล์ของอเมริกัน ซึ่งเขามองว่าขณะนั้นยังห่างชั้นกับแบรนด์ยุโรปอยู่มาก

ปลายยุค Tom Ford วัยหนุ่มได้ทำงานกับแบรนด์ยุโรปสมใจ โดยเขาตัดสินใจไปเป็นดีไซเนอร์ใหญ่ฝ่ายแฟชั่นสตรีของ Gucci ซึ่งกำลังตกต่ำ และปรากฏว่าเขาสามารถทยอยฟื้นแบรนด์แฟชั่นอิตาลีแบรนด์นี้ขึ้นมาได้ตามลำดับ

บทบาทของ Tom Ford ใน Gucci เพิ่มขึ้น ๆ โดยเขาขยายไปคุมฝ่ายแฟชั่นบุรุษ น้ำหอมและโฆษณาด้วย ซึ่ง ณ จุดนี้ทำให้ไม่ว่าเขาจะจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด จนปี 1994 ได้นั่งเก้าอี้ดีไซเนอร์ใหญ่ของแบรนด์

ปี 1999 Tom Ford ชุบชีวิต Gucci และเปลี่ยนให้เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ จนดันให้มูลค่าแบรนด์เพิ่มเป็น 4,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 138,000 ล้านบาทตามค่าเงินปัจจุบัน)

ความสำเร็จดังกล่าวส่งให้Tom Fordเป็นดีไซเนอร์มือทองและได้ควบตำแหน่งเบอร์หนึ่งคุมภาพรวมของ Yves Saint Laurent (YSL) ด้วย เมื่อ YSL ถูก Gucci ซื้อเข้ามาอยู่ใต้ชายคาในเวลาต่อมา

แต่ความขัดแย้งกับ Saint Laurent ผู้ก่อตั้ง YSL และวิกฤตวัยกลางคนทำให้Tom Fordอยากวางมือจาก Gucci

ปี 2004 Tom Ford ออกจาก Gucci ทิ้งความสำเร็จมากมายไว้เบื้องหลัง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ Gucci ระส่ำระสาย เพราะมีรายงานว่าทางแบรนด์ต้องว่าจ้างมือดีถึง 4 คนมาช่วยประคับประคองแบรนด์แทนTom Ford

หลังได้พัก 1 ปีเต็ม Tom Fordก็สร้างแบรนด์ชื่อเดียวกับตัวเองขึ้นมา และแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปเรื่อย ๆ จากเสื้อผ้า ต่อด้วยแว่นตา และน้ำหอม

ลุคสุดเฉียบหรูแต่แผงความเซ็กซี่เอาไว้ ทำให้เขาได้ออกแบบเสื้อให้นักแสดงฮอลลีวู้ดมากมายทั้งชายหญิง รวมไปถึงออกแบบชุดสูทให้ Daniel Craig กลายเป็นนักแสดงเบอร์ต้น ๆ ของโลกกับบท James Bond : 007 ถึง 4 ภาค

การรุกแวดวงภาพยนตร์ของTom Fordไม่ได้หยุดอยู่แค่ออกแบบเสื้อผ้าให้สายลับอันดับที่ดังสุดบนแผ่นฟิล์มเท่านั้น เพราะเขายังได้ตั้งบริษัทภาพยนตร์ขึ้นมา และกำกับเอง 2 เรื่องคือ The Single Man และ Nocturnal Animal ในปี 2009 และ 2016 ตามลำดับ

ปี 2022 Tom Fordเป็นข่าวอีกครั้ง หลังตัดสินใจขายแบรนด์ที่ปั้นมากับมือให้ Estee Lauder ผ่านดีล 2,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 100,000 ล้านบาท) ถือเป็นดีลซื้อกิจการมูลค่าสูงสุดของฝ่ายหลัง โดยTom Fordเลือก Estee Lauder แทน Kerring บริษัทแม่ของ Gucci เพราะร่วมงานกันมานาน ในฐานะที่ Estee Lauder ขายสินค้าต่าง ๆ ของแบรนด์Tom Fordอยู่แล้ว

สิ่งที่น่าจับตามองจากนี้คือ Estee Lauder จะพัฒนาแบรนด์Tom Fordไปสู่ทิศทางใหม่ ๆ ได้หรือไม่ โดยถ้าทำได้ เงินก็น่าหลั่งไหลเข้ามา เพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นและความต้องการสินค้าหรูจะเพิ่มขึ้นไปจนปี 2030

ทว่าก็มีอีกเรื่องที่ต้องจับตามองเช่นกัน เพราะตัว Tom Ford เองจะอยู่คุมแบรนด์ไปจนถึงแค่ปี 2023 เท่านั้น นี่จึงขึ้นอยู่กับว่าจะได้ใครมาคุมทิศทางแบรนด์ต่อไป

เรื่องราวของTom Fordแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในสายอาชีพ จนขึ้นมาเป็นคนสำคัญของวงการด้วยการทั้งปลุกและปั้นแบรนด์แฟชั่นให้ดังขึ้นมา

ความสำเร็จดังกล่าวทำให้เขาจะยังคงถูกจับตามองว่าจะสามารถต่อยอดความสำเร็จและนำเทสต์แฟชั่นสุดเฉียบนี้ไปอะไรอย่างอื่นมาประดับวงการได้อีกมากน้อยแค่ไหน/bbc, wikipedia