แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพไซเบอร์ไต้หวันป่วนเอเชีย

การทุ่มเทพัฒนาด้านเทคโนโลยี ทำให้ไต้หวันขึ้นมาเป็นประเทศชั้นนำทางเทคโนโลยีของเอเชีย หลักฐานคือการที่ประเทศที่เป็นเกาะ ประชากรแค่เพียงราว 23 ล้านคนแห่งนี้ มีแบรนด์คอมพิวเตอร์ระดับโลก อย่าง Acer

และยังยืนหนึ่งทั้งในอุตสาหกรรมชิป และรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน TSMC กับ Foxconn ตามลำดับ แต่พัฒนาการเหล่านี้ก็มีด้านมืด

เพราะไต้หวันก็มีชื่อเสียในฐานะแหล่งรวมตัวของมิจฉาชีพออนไลน์มากมาย โดยเฉพาะการลวงเอาเงินเหยื่อเคราะห์ร้ายผ่านทางโทรศัพท์หรือที่เรียกกันในไทยว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รัฐบาลไต้หวันไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องที่ทำให้ประเทศต้องเสียชื่อเสียง โดยได้สั่งให้หน่วยสอบสวน (CIB) จัดการเปิดปฏิบัติการ 165 ซึ่งเมื่อปี 2022 บล็อก 52.3 ล้านข้อความจากเบอร์โทรของมิจฉาชีพ และขยายผลไปสู่การจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง และในการโทร 13.1 ล้านครั้งของจำนวนนี้มาจากเบอร์โทรในประเทศ

กำลังสำคัญของปฏิบัติการนี้คือ Whoscall แอประบุเบอร์โทรปลายสายที่บริษัท Gogolook ของไต้หวันพัฒนาขึ้นเอง ซึ่งใช้พลัง Big data จนสามารถเตือนได้ว่าเบอร์ไหนเป็นเบอร์อันตรายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่ควรรับ

ด้าน Gogolook เผยว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Whoscall ระบุเบอร์อันตรายให้ผู้ใช้ในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะเอเชียไปแล้วกว่า 1,600 ล้านเบอร์

Jeff Kuo ซีอีโอ Gogolook วิเคราะห์ว่า เหตุที่ไต้หวันต้องเสื่อมเสียจากการเป็นจุดเริ่มต้นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาจาก 3 สาเหตุหลัก เริ่มจากเป็นประเทศเล็ก เหมาะการกับทดลองทำธุรกิจ ซึ่งโชคร้ายว่าในจำนวนนี้มีมิจฉาชีพอยู่ด้วย

ไต้หวันเป็นประเทศที่โครงสร้างทางเทคโนโลยีพัฒนาจนก้าวหน้า และบุคลากรด้านนี้ก็มีมากมาย ซึ่งมีบางส่วนทำงานให้มิจฉาชีพ ทั้งที่เต็มใจหรือโดนข่มขู่-หลอกลวงไป

ส่วนเหตุผลสุดท้ายคือการอยู่ใกล้กับจีน จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพชาวจีนมาก่ออาชญากรรมได้ ซึ่งเมื่อรวมกับภาวะล็อกดาวน์และธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ ต้องเชื่อมโยงกับเบอร์โทรศัพท์ และทำผ่าน Smartphone ได้ ภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงเพิ่มขึ้น

มีคนมากมายหลายช่วงวัยทั้งวัยรุ่นและคนชรา ทั้งในไต้หวันและหลายประเทศในเอเชียที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมื่อถูกทางการไต้หวันปราบปรามอย่างหนัก มิจฉาชีพทั้งที่เป็นชาวไต้หวัน

และชาวจีนก็หนีไปตั้งฐานในประเทศอื่น ๆ เช่นไทย และกัมพูชา ท่ามกลางรายงานว่าบางส่วนหนีไปก่อเหตุไกลถึงมอนเตเนโกรเลยทีเดียว แต่ทางการไต้หวันก็ประสานกับประเทศอื่น ๆ ทลายแก๊งได้

สถานการณ์ทั้งหมดทำให้ไต้หวันถือเป็นด่านหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านความจริงจังของภาครัฐและเทคโนโลยี ทว่าวิธีการดีสุดยังคงเป็นการให้ความรู้กับประชาชนให้ใช้สื่อออนไลน์อย่างรอบคอบระมัดระวัง