เหตุสลดในแหล่งท่องราตรีของเกาหลีใต้ยังเป็นฝันร้ายและอุทาหรณ์ที่ไม่มีย่านไหนอยากให้มาเกิดซ้ำ
พ่อค้าแม่ขายในเมียงดง แหล่งสตรีทฟู้ดในกรุงโซล ยอมทำตามคำแนะนำของฝ่ายปกครองให้ปิดร้านเสาร์ที่ 24 ธันวาคมหรือคริสต์มาสอีฟที่กำลังจะมาถึง
เพื่อสกัดไม่ให้เกิดการเบียดเสียดเหยียบกันของฝูงชนจนมีผู้เสียชีวิตแบบเหตุสลดอีแทวอน เมื่อปลายตุลาคมที่ผ่านมา
แม้มีเจ้าของร้านบางส่วนไม่เห็นด้วยและต้องขาดรายได้หนึ่งในวันที่ขายดีสุดของปีไป แต่ทุกร้านก็ยอมทำตามเสียงส่วนใหญ่ และยังเห็นด้วยที่จะปิดร้านในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในวันเสาร์ถัดไปอีกด้วย
เจ้าของร้านรายหนึ่งในย่านเมียงดง เชื่อว่าการตัดสินใจโดยมองเรื่องความปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับแรกนี้ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและจะส่งผลดีในระยะยาว
แม้ช่วงสถานการณ์โควิดตลอด 3 ปีที่ผ่านมาทุกร้านที่ต้องปิดไปต่างต้องดิ้นรนกันสุดชีวิตเพื่อพากิจการให้รอดก็ตาม
สำหรับย่านเมียงดงมีพื้นที่เพียงเกือบ 1 ตารางกิโลเมตร แต่เนืองแน่นไปด้วยร้านค้าโดยเฉพะอาหารริมทางแบบเดินไปกินไปได้ของเกาหลีใต้ เช่น ต็อกบกกิ
โดยเมื่อเกาหลีใต้ดังไปทั่วโลกจากการส่งออกวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ เช่น สื่อบันเทิง แฟชั่นและอาหาร หรือที่เรียกรวมกันว่า Soft power ย่านนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มายังเกาหลีใต้ไปด้วย
ความนิยมดังกล่าวทำให้เมียงดงเป็นย่านเศรษฐกิจที่เงินสะพัดมหาศาล แต่การต้องปิดประเทศและมาตรการ New normal ก็ส่งผลอย่างรุนแรงต่อการทำธุรกิจในย่านนี้ และปัจจุบันก็ยังไม่ฟื้นกลับมาอยู่ในระดับปกติ
สื่อเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ว่า เมื่อกันยายนที่ผ่านมา ร้านรวงเกินครึ่งในย่านเมียงดงยังว่างอยู่ และเมื่อปี 2020 พ่อค้าแม่ค้าขายก็ทุนมากถึง 60%
และเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมายอดผู้โดยสารรถไฟใต้ดินสาย 4 มายังย่านเมียงดง อยู่ที่เพียง 610,000 คน ลดลงไปถึงครึ่งหนึ่งจากช่วงก่อนโควิดระบาดเมื่อปี 2019
พอสถานการณ์กำลังดีขึ้นจากการที่นักท่องเที่ยวกลับมาหลังโควิดซาและเปิดประเทศ ก็มาเกิดเหตุสลดอีแทวอนคืนวันฮาโลวีน (29 ตุลาคม) ที่มีผู้เสียชีวิตไป 159 คนขึ้นอีก
จนสังคมเกาหลีใต้และทั่วโลก จับตามองมาตรการสกัดจัดการฝูงชนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบกิจการเกาหลีใต้ซึ่งกระทบมาถึงย่านเมียงดง และตัดสินใจปิดใน 24 และ 31 ธันวาคมตามข่าวดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบกิจการในย่านเมียงดงก็เชื่อว่ากุมภาพันธ์ถึงมีนาคมปี 2023 สถานการณ์ทั้งหมดน่าจะดีขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวน่าจะกลับมาคึกคัก ท่ามกลางมาตรการรับมือกับฝูงชนที่ดีขึ้น/koreatimes
–