หลังจากที่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เป็นผู้บริหาร ‘พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ’ ได้ปรับเปลี่ยนพันธุ์ทิพย์ จากห้างไอที เป็น AEC Trade Center-Pantip Wholesale Destination เพื่อเป็นศูนย์กลางค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2563

แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 AEC Trade Center-Pantip Wholesale Destination ได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และพบว่าศูนย์รวมธุรกิจค้าส่งอาหารและไลฟ์สไตล์เป็นคีย์หลักที่ต้องการไป
ทำให้ในวันนี้ AWC ได้ Re Branding และ Positioning โครงการ AEC Trade Center-Pantip Wholesale Destination ศูนย์กลางค้าส่งครบวงจร เป็นศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจร ในชื่อ Phenix พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มิถุนายน 2567

การปรับเปลี่ยนจากชื่อเดิมเป็น Phenix ถึงแม้จะเป็นชื่อใหม่ที่ต้องก้าวข้ามความท้าทายในเรื่อง Brand Awareness ให้กับกลุ่มเป้าหมายถึงชื่อโครงการและจุดเด่นของโครงการในฐานะ Destination ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจร บนแนวคิด อร่อยฟินบินได้ (Flavor Gets Its Wing Worldwide) ซึ่งเป็นจุดเด่นที่โครงการในย่านประตูน้ำไม่มี
แต่วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ AWC ให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาพื้นที่แห่งนี้เคยใช้ชื่อ พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น AEC Trade Center -Pantip Wholesale Destination และมีการพัฒนา Phenix Box เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ B2B ซึ่งการมีหลายชื่อได้สร้างความสับสนให้กับลูกค้า
“ตัดสินใจใช้ชื่อ Phenix ก่อนเปิดตัวไม่นาน วันที่ตัดสินใจใช้ชื่อนี้ ได้คุยกับคุณพ่อ (เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี) ถึงชื่อ Phenix คุณพ่อถามว่ามีความหมายอย่างไร และเมื่อทราบถึงความหมาย Phenix แปลว่ารุ่งเรือง อย่างยั่งยืน หลังพูดคุยกันจบ คุณพ่อได้โทรหาผู้บริหารทันทีว่าตกลงใช้ชื่อตึกนี้ว่า Phenix” วัลลภา กล่าว

สำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนชื่อที่พร้อมจะเติบโตจากการมองเห็นโอกาสของทำเลประตูน้ำ ที่เป็นย่านไฮไลท์อีกย่านหนึ่ง ที่มีกำลังซื้อจากกลุ่ม B2C จากลูกค้าที่อยู่ในโซนถัดจาก Phenix ที่อยู่คนละด้านกับราชประสงค์ มีทั้งคอนโด ที่อยู่อาศัยหนาแน่น และในทำเลดังกล่าวไม่มีพื้นที่เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ ซึ่ง Phenix จะเป็นพื้นที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ ก่อนที่จะข้ามคลองแสนแสบไปเจอสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์
และย่านประตูน้ำยังเป็นทำเลที่เชื่อมต่อเพลินจิต และ AWC มีเครือข่ายโรงแรมที่มีเกรดสูงสุดในพอร์ตที่สามารถเชื่อมโยงลูกค้าไปยัง Phenix ได้
ตลอดจนโอกาสของอาหาร ที่ไทยผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 22 ของโลก ที่สามารถเป็นหนึ่งในพลัง Ecosystem เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว จากการมองเห็นนักท่องเที่ยวชอบซื้อของกินของฝากกลับประเทศ ซึ่ง Phenix จะมีร้านค้าที่จำหน่ายของกินซื้อของฝากจากผู้ขายค้าส่งโดยตรง
และนอกจากนี้ ในอนาคต Phenix จะมีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม ที่มีสถานีอยู่ที่ Phenix ที่สามารถเชื่อมการจราจรที่เป็น Mass Transit จาก BTS ไปรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มความสะดวกและแทรฟฟิกได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับการสร้าง Phenix ให้เป็น Destination ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจร วัลลภามองว่าบิซิเนสโมเดลนี้จะต้องประกอบด้วย Retail, Wholesale และ Ecosystem ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งเธอมองว่าเป็นบิซิเนสโมเดลใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะในพื้นที่ของ Phenix จะมีทั้งร้านค้าด้านอาหารจากพันธมิตรต่าง ๆ กว่า 1,000 แบรนด์
เช่น Koelnmesse จากเยอรมนี ผู้จัดงานอาหารระดับโลก Anuga, Thaifex, Yiwu CCC Group ผู้ผลิตอาหารชั้นนำในไทย เช่น กลุ่มมิตรผล, CPF Global Food Solution, Thai Union, ThaiBev, BJC ผู้ผลิตสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค เช่น KCG Corporation, อาน เทรดดิ้ง แอนด์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต, ผู้นำเข้าและสินค้าอาหารระดับพรีเมียมจากฮอกไกโด, PRG Corporation ผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงรายแรกของไทย เป็นต้น

รวมถึงมีพื้นที่โซนศูนย์อาหารในรูปแบบ Food Lounge F&B Destination ที่มีฟู้ดเลาจน์ใหญ่ที่สุดในย่านประตูน้ำ
มีพื้นที่แกรนด์ฮอลล์ เพื่อจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตและอาหาร เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าด้านไลฟ์สไตล์และอาหาร
และยังคงพื้นที่ไอทีไว้ส่วนหนึ่งจากการมองเห็นไอทีเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของพันธุ์ทิพย์ และในปัจจุบันธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีการนำไอทีเข้ามาใช้

ในช่วงเริ่มต้นวัลลภาคาดหวังว่าจะมีแทรฟฟิกใน Phenix เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน และ 20,000 คนในอนาคต
การสร้างแทรฟฟิกให้เกิดขึ้น นอกเหนือจากการมีร้านค้าด้านอาหารที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า วัลลภายังวางกลยุทธ์ดึงดูดแทรฟฟิกเพิ่มเติมอีก 4 ประการ ได้แก่
1. จัดรถชัตเตอร์เซอร์วิส 20 คัน รับส่งฟรีลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ รอบ Phenix เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางมาใช้บริการ โดยชัตเตอร์เซอร์วิสจะเป็นการให้บริการระยะยาว และลูกค้ารอรถไม่เกิน 10 นาทีต่อคัน

2. ดึงดูดลูกค้าสายมู ด้วยการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาสักการะพระพิฆเนศวร ปางเหรัมภะคณปติ หรือปาง 5 เศียร 10 กร ประทับนั่งบนพญาราชสีห์ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของโครงการเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้านความสำเร็จ ความสมหวัง ความรักและความสุข
3. ร่วมกับธุรกิจในเครือ เช่น เอเชียทีค พานักท่องเที่ยวจากเอเชียทีคมาใช้บริการใน Phenix เพื่อหาซื้อของกินของฝาก
4. จัดกิจกรรมต่อเนื่องในทุก ๆ เดือน ต่อเนื่องทั้งปี ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น คอนเสิร์ตจาก Lisa Ono The Greatest Hit Concert, กิจกรรมแข่งทำอาหารจากวัตถุดิบภายในโครงการฯ กิจกรรมเวิร์กช็อป กิจกรรม Meet & Greet กับน้องแดน ช่อง Cullen Hateberry และ Jamie James สำหรับ Top Spender เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้วัลลภาเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดแทรฟฟิกได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 1,000-2,000 คนต่อวัน

อย่างไรก็ดี สำหรับก้าวใหม่ของพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ในชื่อ Phenix ถือเป็นความท้าทายของ AWC ที่ต้องก้าวผ่านจากพื้นที่ที่ให้บริการในปัจจุบันยังไม่สามารถปิดการขายได้ 100% และถ้า Phenix ไปได้สวยจะสามารถสร้าง Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนได้เต็มที่ถึง 15% เลยทีเดียว
Marketeer FYI
พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ จากเจ้าของเดิมตระกูลบุนนาค สู่ตระกูลสิริวัฒนภักดี
พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2527 ในฐานะศูนย์การค้าที่ชื่อเอ็กซ์เซล ที่มีตระกูลบุนนาค เป็นเจ้าของ
หลังจากที่การแข่งขันในธุรกิจศูนย์การค้าย่านประตูน้ำรุนแรงขึ้นตระกูลบุนนาคจึงตัดสินใจขายธุรกิจให้กับกลุ่มทีซีซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี ในปี 2531

และทีซีซีได้ปรับเปลี่ยนเป็นพันธุ์ทิพย์ ศูนย์รวมไอที จากการมองเห็นโอกาสและจุดต่างในการแข่งขัน ซึ่งจุดต่างนี้เองทำให้พันธุ์ทิพย์ประตูน้ำประสบความสำเร็จสู่ยุคเฟื่องฟู ก่อนจะซบเซาลงจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคที่สามารถซื้อสินค้าไอทีจากที่ต่าง ๆ ได้มากขึ้น และความไม่สะดวกในการเดินทางของพันธุ์ทิพย์ที่อยู่ห่างไกลรถไฟฟ้า และมีพื้นที่จอดรถจำนวนจำกัด ค่าจอดรถที่มีราคาแพง และซบเซาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงการเข้าถึงของโลกอีคอมเมิร์ซที่ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถสั่งซื้อสินค้าไอทีผ่านออนไลน์ได้
ทีซีซีจึงได้ปรับเปลี่ยนพันธุ์ทิพย์ประตูน้ำ จากห้างไอที เป็น AEC Trade Center-Pantip Wholesale Destination เพื่อเป็นศูนย์กลางค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2563 และปรับเปลี่ยนอีกครั้งเป็น Phenix ในปัจจุบัน
–
