Trend/สถานการณ์ในตลาดไวน์ที่เหมือนจะมีแต่ทรุดกับทรุด บีบให้เบอร์ต้น ๆ ในวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลกต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ เพื่อลดความเสียหาย
Pernod Ricard เครือแบรนด์สุรา เบียร์ และไวน์ สัญชาติฝรั่งเศส ตัดสินใจขายแบรนด์ไวน์ เช่น Jacob’s Creek, Church Road และ Campo Viejo รวม 10 แบรนด์ออกไป
พร้อมบริษัทไวน์ที่ผลิตไวน์เหล่านี้ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสเปน ทิ้งไปด้วย โดยให้เหตุผลเพียงว่า เพื่อปรับทิศทางในการเติบโต
และจะหันไปลงทุนกับแชมเปญกับวิสกี้พรีเมียมให้มากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้เผยถึงจำนวนเงินที่ได้จากข้อตกลงในการขายครั้งใหญ่นี้
มีการวิเคราะห์กันว่า Pernod Ricard จำเป็นต้องเทขายแบรนด์ไวน์ออกไปเกือบหมด เพื่อลดความเสียหาย หลังปี 2023 การบริโภคไวน์ทั่วโลกต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี และในปี 2024 สถานการณ์จะยังไม่ดีขึ้น
ขณะที่ยอดขายปีกแบรนด์ไวน์ของ Pernod Ricard เองในไตรมาสแรกปี 2024 ก็น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2023 อยู่ 7% หลังความนิยมไวน์แบรนด์ Jacob’s Creek ในอินเดีย และ Campo Viejo ในสหรัฐฯ ลดลง
ต่อเนื่องมาจากการดื่มไวน์ในจีน ตลาดไวน์ใหญ่สุดในโลกลดลง ตั้งแต่ปี 2018 ประกอบกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนทั่วโลกก็ลดลงมาหลายปีแล้ว เพราะต้องใช้จ่ายประหยัดเพื่อฝ่าวิกฤตค่าครองชีพ
นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ยังไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะห่วงสุขภาพมากขึ้น ไม่อยากมีภาพการเมามายปรากฏบนสื่อออนไลน์
และยังไม่เห็นประโยชน์ของการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงาน แม้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัทที่คนวัยทำงานรุ่นพี่ ๆ ทำกันมานานก็ตาม
หรือถ้าจำเป็นก็ยังเลือกเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์หรือดีกรีน้อย จนปาร์ตี้ปลอดเหล้า และท่องเที่ยวโดยที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน เป็นเทรนด์ใหญ่ ที่ส่งผลต่อตลาดเครื่องดื่มมีส่วนของแอลกอฮอล์ทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้อีกด้วย
ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดไวน์ทั่วโลกวิกฤต โดยไร่องุ่นทำไวน์ในหลายประเทศต้องปิดตัวไป จากปัญหาอากาศแปรปรวน และเชื้อรา
ทั้งนี้ Pernod Ricard ไม่ใช่ยักษ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์เดียวที่ต้องปรับแผนธุรกิจ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดย Kirin หนึ่งค่ายเครื่องดื่มใหญ่ญี่ปุ่น ที่ดังมาจากเบียร์ ต้องหันไปผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
เช่น น้ำผสมจุลินทรีย์ ออกมาแทน พร้อมกับซื้อกิจการ Blackmore แบรนด์วิตามินและอาหารเสริมออสเตรเลีย หลังคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะวัยทำงานญี่ปุ่นดื่มเบียร์กันน้อยลง และหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น/cnn
–