ดุสิตธานี กรุงเทพ จะเป็นโอกาสที่จะทำให้ ดุสิตธานี พลิกกลับมามีกำไรในปี 2567 จริงหรือ (วิเคราะห์)

27 กันยายน 2567 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้กฤษ์เปิดตัวอวดโฉมใหม่ หลังจากปิดตัวไปเพื่อทำการก่อสร้างนานกว่า 6 ปี

การกลับมาอีกครั้งของโรงแรมที่เคยเป็นตำนานของเมืองไทยแห่งนี้ มีความหมายกับ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นอย่างมาก

เป้าหมายที่ท้าทายของเธอในวันนี้ คือทำอย่างไรให้โรงแรมใหม่นี้ยังคงเป็นแลนด์มาร์กที่ดีแห่งหนึ่งของโลกเหมือนที่ดุสิตธานีเคยทำไว้ตลอดระยะเวลา 76 ปี

เพราะวันนี้กรุงเทพฯ ไม่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีคู่แข่งแบรนด์ใหญ่ของโรงแรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย

และเป้าหมายที่สำคัญต่อไป คือการทำให้ผลประกอบการของดุสิตธานีเทิร์นอะราวด์กลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจาก 6 ปีกับวันที่รายได้หลักหายไป และวิกฤตโควิด-19 เข้ามาซ้ำเติม

ครึ่งปีแรกของปี 2567 ดุสิตธานียังมีตัวเลขขาดทุนที่ 9 ล้านบาท เป็นการขาดทุนต่อเนื่อง หนักสุดเมื่อปี 2563 จำนวน 1,011 ล้านบาท

แต่หลังจากนั้น ศุภจีก็พยายามทุกทาง ด้วยการไดเวอร์ซิฟายไปยังธุรกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้และเป็นแนวทางที่ถูกวางไว้ในระยาวอย่างชัดเจน จนตัวเลขขาดทุนลดลงเรื่อย ๆ

การเปิด ดุสิตธานี กรุงเทพ เพื่อรองรับฤดูการท่องเที่ยว เธอคาดหวังว่ารายได้ในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 18 -20%

ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีโรงแรมและวิลล่าภายใต้การบริหารจัดการรวม 297 แห่ง (เป็นโรงแรม 56 แห่ง และวิลล่าหรู 241 แห่ง) มีจำนวนห้องพักรวม 12,747 ห้องใน 18 ประเทศ

สำหรับโครงสร้างรายได้หลักของดุสิตธานีในครึ่งปีแรก 2567 มาจากธุรกิจโรงแรม 2,512 ล้านบาท การศึกษา 202 ล้านบาท อาหาร 739 ล้านบาท อสังหาฯ 7 ล้านบาท อื่น ๆ 368 ล้านบาท

โดยรายได้จากร้านอาหารเป็นอีกขาหนึ่งที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีธุรกิจให้บริการจัดการอาหารแก่โรงเรียนนานาชาติ ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 4 ประเทศ คือ ประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และฮ่องกง สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ร้านขนมอบ Bonjour Bakery ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 94 แห่ง (ประเทศไทย 88 แห่ง ประเทศเวียดนาม 5 แห่ง และประเทศจีน 1 แห่ง)