KEX ฝันร้ายยังไม่จบ ปี 2568 ต้อง วิ่ง สู้ ฟัด ในธุรกิจขนส่งต่อไป

ขณะที่ Krungthai COMPASS ประเมินว่า ตลาด E-Commerce ของไทยมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องขึ้นไปแตะระดับ 7.47 แสนล้านบาทในปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.6% (CAGR ปี 2566-2568)

แต่ธุรกิจขนส่งในบ้านเรายังเหนื่อย โดยเฉพาะขนส่งยักษ์ใหญ่สีส้ม KEX ที่รายได้-กำไร ลดลงต่อเนื่อง

ปี 2566 KEX มีรายได้ 11,541.48 ล้านบาท ขาดทุน 3,880.64 ล้านบาท พอมาปี 2567 รายได้เหลือเพียง 9,616 ล้านบาท ขาดทุนหนักเพิ่มขึ้น 5,911.32 ล้านบาท

ทั้งที่ปีที่ผ่านมา KEX ได้ผู้ร่วมทุนรายใหม่ SF Holding ซึ่งเป็นบริษัท logistics ขนาดใหญ่ที่สุดในจีนและเอเชีย ที่เข้ามาถือหุ้น 62.66% ซึ่งคาดหวังกันว่าพันธมิตรใหม่จะเข้ามาช่วยซัปพอร์ตทั้งในเรื่องเงินทุน เทคโนโลยี และ Know-How ต่าง ๆ แต่กลายเป็นว่าปีที่ผ่านมาขาดทุนหนักสุด

เดิมบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KEXก่อตั้งโดยยักษ์ใหญ่ในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์จากฮ่องกง เมื่อปี 2549 ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ในเรื่องขนส่ง เช่น Bangkok Sameday บริการรับชำระเงินปลายทาง ด้วยระบบพร้อมเพย์ และ Rabbit LinePay

ใช้เวลาแค่ 10 กว่าปี  KEXก็สามารถปักแบรนด์ลงกลางใจคนรุ่นใหม่ รวมทั้ง พี่ป้า น้า อา แฟนคลับเดิมของแบรนด์ขนส่งเก่าแก่ และแบรนด์อื่น ๆ ที่หันมาใช้บริการผ่านกันท่วมท้น

ในปี 2562 บริษัททำลายสถิติด้วยยอดจัดส่งในปีนั้นถึง 2,000,000 ชิ้น/วัน กำไรพุ่งพรวด ๆ ถึง 1,328.55 ล้านบาท

ดังนั้น เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2563 จึงเป็นหนึ่งในหุ้นไอพีโอที่ “ทรงพลัง” เพราะนักลงทุนต่างอยากเป็นเจ้าของ

ปีแรกKEXไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง โดยสร้างกำไรสุทธิที่ 1,405.03 ล้านบาท แต่พอปี 2564 ตกสวรรค์ กำไรลดเหลือ 46.91 ล้านบาท

มรสุมลูกใหญ่ที่ซัดเข้าหาKEX คือการมีผู้เล่นในธุรกิจขนส่งมากขึ้น เกิดสงครามราคา และที่สำคัญคือการเปลี่ยนโมเดลการขนส่งสินค้า โดยเจ้าของแพลตฟอร์ม E-commerce อย่าง Lazada และ Shopee ที่หันมาทำขนส่งของตัวเอง

ในปีที่ผ่านมา KEXก็พยายามปรับรูปแบบใหม่ ๆ ของการขนส่งในหลายเรื่อง เช่น ส่งผลไม้สดหรือต้นไม้ โดยใช้ “ตะกร้าพลาสติกที่มีฝาปิด” ผนึกกำลัง SF Holding รุกหนักบริการส่งของไปต่างประเทศ บริการเรียกรถเข้ารับพัสดุ

รวมทั้งมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม CKA (กลุ่มลูกค้าองค์กร) และกลุ่ม C2C (ลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางร้านค้า แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และคอลเซ็นเตอร์)เพื่อลดผลขาดทุนจากการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้ให้บริการรายอื่น ๆ

โครงสร้างรายได้ ปีที่ผ่านมาคือ  49% มาจาก C2C หรือ ลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางร้านค้า, แอป, เว็บไซต์, คอลเซ็นเตอร์

35% มาจาก SKA หรือกลุ่มลูกค้าเชิงกลยุทธ์ ที่มีปริมาณขนส่งจำนวนมาก และกำหนดราคาตามสัญญา

12% มาจาก CKA หรือกลุ่มลูกค้าองค์กร

4% อื่น ๆ

แต่KEXยังขาดทุนสาเหตุหลักมาจากปริมาณส่งของ E-commerce ลดฮวบ กลยุทธ์เน้นลูกค้ารายใหญ่ ทำยอด แม้ได้ลูกค้า D2C ช่วยพยุง จากแคมเปญต่าง ๆ และขยายจุดบริการ

ที่สำคัญบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้น้อยลง เพราะค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเพิ่มสูงขึ้น จะเห็นว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2567 ลดลงอย่างมากจาก -25% กลายมาเป็น -33.4%

หมายถึงในยอด 100 บาทจะขาดทุนไปแล้ว 33 บาท

อย่างไรก็ตาม KEX กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินและขยายธุรกิจในระยะยาว แต่ยังต้องติดตามผลจากการปรับกลยุทธ์และการแข่งขันในตลาดอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่ภาวะการแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุยังคงดุเดือดและรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง มารอดูกันว่าเราจะเห็นKEXเทิร์นอะราวด์ กี่โมง

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer