OR พลิกดูแนวคิดของโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน สู่ Behind the Coffee Beans Boxset กับความตั้งใจที่อยากลดปัญหา PM 2.5 ผ่านการทำธุรกิจกาแฟ

แค่กาแฟแก้วเล็ก ๆ จะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้จริงหรือ?

คำถามที่ว่าฟังดูยิ่งใหญ่ หรือหลายคนอาจสงสัยว่ากาแฟจะไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้? …

งานนี้ Marketeer เลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน (Sustainable Coffee Project) จาก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ลงมือทำมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปีบนความเชื่อที่ว่า “กาแฟเม็ดเล็ก ๆ สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้จริง”

และเพื่อที่จะถ่ายทอดแนวคิดที่ว่าให้อยู่ใกล้กับผู้บริโภคมากขึ้น OR เลือกกิมมิกในการสื่อเรื่องราวความยั่งยืนที่ว่าผ่าน ‘Behind the Coffee Beans Boxset’ ที่รวมเอากาแฟดริปแบบพร้อมชง

ซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟไทยจาก 3 แหล่งปลูกที่ภาคเหนือเมืองไทยมาใส่ในกล่อง และมาพร้อมกับกิมมิกสุดสร้างสรรค์ชวนให้พลิกอ่านเรื่องราวความยั่งยืนที่ผ่านการผลิตกาแฟในแบบฉบับของ OR

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 หนึ่งในสัญญาณที่ตะโกนบอกเราดัง ๆ ว่า
“ถึงเวลาที่โลกใบนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างยั่งยืน”

เบื้องหลังความตั้งใจของ OR ที่ทำอยู่หลังกล่องกาแฟนี้ คือการทำโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนที่พัฒนาด้วยความเชี่ยวชาญของ Café Amazon เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทย ให้มีทั้งอาชีพและรายได้ที่มั่นคง มีความรู้ความเข้าใจการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนแล้ว

อีกหนึ่งจุดประสงค์หลักคือการขับเคลื่อนด้วยการเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ๆ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคนไทยโดยตรง

ไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ต่างก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน โดยเฉพาะภาคเหนือ ซึ่งหนึ่งในต้นเหตุสำคัญมาจากการลักลอบการเผาป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย รวมถึงการเผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำการเกษตรในฤดูถัดไปอย่างไม่ถูกวิธีโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของไทย

โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรภาคเหนือหันมาปลูกกาแฟอย่างมีความรู้ และใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การสนับสนุนการปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ใหญ่ ที่ไม่ได้แค่ทำให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพดีขึ้นแต่ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวฟื้นฟูป่า และเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวที่ทำลายดินมาเป็นระบบเกษตรผสมผสานที่เก็บเกี่ยวกาแฟได้ทุกปี เพื่อลดการบุกรุกป่า และการเผาทำลายหลังเก็บเกี่ยว

รวมถึงการสนับสนุนรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรโดยตรงผ่านระบบ Fair Trade โดยมีโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟ Café Amazon ที่เป็นจุดรับซื้อ และเริ่มนำร่องใช้รถกระบะไฟฟ้า EV Truck ในการขนส่งผลผลิตเพื่อลดมลพิษอีกทาง

ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นในการช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และมลพิษทางอากาศในระยะยาว สอดคล้องกับความตั้งใจของORที่ระบุชัดในกล่อง Boxset นี้ว่า “ช่วยสร้างอากาศสะอาดให้คนไทยทุกคน” และเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ORนำโดยทีม Café Amazon ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและเกษตรกรกว่า 1,200 ราย ใน 22 พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนนี้อย่างแท้จริง

จาก “บ้านผาลั้ง” หมู่บ้านห่างไกล
สู่กาแฟดริปของ Café Amazon

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Behind the Coffee Beans Boxset กล่องนี้คือกาแฟพร้อมดริปจาก 3 แหล่งปลูกกาแฟคุณภาพของไทย อย่างดอยอินทนนท์ ปางขอน และ ผาลั้ง

โดยเฉพาะ “บ้านผาลั้ง” หมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดเชียงรายที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยพื้นที่ห่างไกล ถนนและการเดินทางไม่ดีนัก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จนแทบไม่มีผู้ผลิตกาแฟแบรนด์ไหนอยากเข้าไปลงทุน

แต่สำหรับORที่นี่คือภารกิจสำคัญสู่ความยั่งยืนทั้ง Ecosystem ของธุรกิจ โดยการส่งทีม Café Amazon เดินทางเข้าไปพบเกษตรกรด้วยตัวเองเพื่อให้ความรู้ตั้งแต่การปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ใหญ่ การพัฒนาสายพันธุ์และพื้นที่ ไปจนถึงการแปรรูปเมล็ดกาแฟให้ได้คุณภาพและขายได้ราคาดี

ความตั้งใจนี้เปลี่ยนกาแฟจากผาลั้งที่แทบไม่มีใครรู้จักให้กลายเป็น “กาแฟดริปบ้านผาลั้ง” ของ Café Amazon ที่นอกจากรสชาติจะโดดเด่นเฉพาะตัวแล้ว ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ที่เปลี่ยนชีวิตคนทั้งชุมชนอีกด้วย

Marketeer เคยตาม Café Amazon ขึ้นดอยไปดูการรับซื้อกาเเฟที่ปางขอน และบ้านผาลั้ง จ. เชียงราย มาแล้ว ติดตามได้ที่คลิปนี้เลย

กาแฟที่มีคุณค่าและสร้างการเปลี่ยนแปลง

สรุปสุดท้าย… ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจกับเรื่องราวเบื้องหลังของสินค้าที่เขาเลือกซื้อมากขึ้น โครงการนี้จากORถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนชัดเจนว่า การสร้างคุณค่าให้แบรนด์นั้นไปได้ไกลกว่าแค่ราคาและคุณภาพของสินค้า

ทุกครั้งที่เราเลือกหยิบกล่องกาแฟดริปทั้ง 3 รสชาติของ Café Amazon มาชง นั่นหมายถึงเรากำลังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเกษตรกรที่เปลี่ยนวิถีการเกษตรแบบเดิม ๆ ไปสู่แนวทางที่ไม่ทำร้ายโลก

หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เราทุกคนสามารถเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่ อย่างฝุ่น PM 2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้ ผ่านการเลือกบริโภคกาแฟที่ปลูกโดยไม่เผาป่า

ส่วนในมุมของการ “สร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน” ไม่ใช่แค่การขายสินค้าที่มีสตอรี่ แต่คือแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาบนแนวคิดในการอยู่ร่วมกับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริงอีกด้วยเช่นกัน