พอร์ตเครื่องดื่ม MINT เข้มขึ้น เมื่อไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซื้อหุ้นในบริษัท กาก้า เบฟเวอเรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ชานมไข่มุกกาก้า เพิ่มขึ้นอีก 19.9% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 50.1% ทำให้ในปัจจุบัน MINT ถือหุ้นในกาก้าสัดส่วน 70%
การซื้อหุ้นในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า MINT มองเห็นโอกาสของแบรนด์กาก้าที่จะร่วมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มให้เติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี
การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในแบรนด์กาก้า Marketeer มองว่าส่วนหนึ่งมาจาก
1.MINT มองเห็นโอกาสจากเป้าหมายขยายสาขา 217 สาขาในปี 2570
จากเอกสารเผยแพร่นักลงทุน พบว่าภายในปี 2570 MINT วางเป้าหมายขยายสาขาจากปัจจุบัน 61 สาขา เป็น 217 สาขา ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ซึ่งเป็นการขยายสาขาอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่มีการขยายสาขาเพียงไม่กี่สิบสาขาต่อปี
ปี 2565 จำนวน 29 สาขา
ปี 2566 จำนวน 41 สาขา
ปี 2567 จำนวน 61 สาขา
การขยายสาขาของกาก้า Marketeer มองว่ามาจากการเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังฐานลูกค้าและโอกาสใหม่ๆ ผ่านโมเดลแฟรนไชส์ในประเทศไทย และการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยพาแบรนด์กาก้าบุกตลาดอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก
2.แบรนด์กาก้าเติบโตด้านรายได้
หลังจาก MINT เข้ามาร่วมทุนในฐานะผู้ถือหุ้น 50.1% เมื่อธันวาคม 2565 แบรนด์กาก้าสามารถสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดังนี้
ปี 2566 รายได้รวม 191.42 ล้านบาท กำไร 28.31 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้รวม 296.43 ล้านบาท กำไร 21.84 ล้านบาท
ซึ่งการเติบโตนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระแสชานมไข่มุกชะลอลงจากการแข่งขันกับเครื่องดื่มอื่นๆ ที่เข้ามาแย่งเม็ดเงินในกระเป๋าผู้บริโภค จุดแข็งของแบรนด์กาก้าคือ ภาพลักษณ์ (Brand Awareness) และรสชาติที่ดึงดูด ทำให้ผู้บริโภคเลือกเป็นอันดับแรกเมื่อต้องการดื่มเครื่องดื่มชานมไข่มุก โกโก้ และอื่นๆ ประกอบกับการขยายสาขาที่เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ
3.กาก้าเป็นธุรกิจเครื่องดื่มที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ตเครื่องดื่มที่ MINT ขาดหายไป
การลงทุนในกาก้าในปี 2565 MINT ต้องการขยายพอร์ตเครื่องดื่มที่มีโอกาสเติบโต จากเดิมที่ MINT มีเพียงคอฟฟี่คลับ เป็นแบรนด์เครื่องดื่มในพอร์ต
ซึ่งกาก้าถือเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ชัดเจนในตลาดชานมไข่มุกที่ยังเป็นกระแสนิยมจากพฤติกรรมผู้บริโภค
การลงทุนในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วนั้น ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ โดยไม่ต้องสร้างแบรนด์ขึ้นมาเอง ซึ่งต้องใช้ทั้งระยะเวลาและเงินลงทุนในการพัฒนาสินค้า เปิดสาขา ทำตลาด เพื่อผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จ ทั้งยังมีความเสี่ยงจากความล้มเหลวได้ด้วยเช่นกัน
เพราะกาก้าไม่ใช่การลงทุนตามเทรนด์ แต่คือหมากเดินต่อของ MINT ที่ต้องการวางพอร์ตธุรกิจให้ครบเครื่อง