หลังประกาศจาก Starbucks สำนักงานใหญ่ เมื่อกลางปี 2018 ถึงจุดมุ่งหมายที่จะเลิกใช้หลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (single-use plastic) ในทุกสาขาทั่วโลก ภายในปี 2020 ในที่สุดก็คงคราว Starbucks ประเทศไทย

Starbucks ประเทศไทยระบุว่า จะเริ่มใช้หลอดกระดาษตั้งแต่ วันที่ 6 .. นี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้หลอดพลาสติกได้ถึงปีละ 39 ล้านชิ้น โดยช่วงแรกยังเปิดเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเลือกได้ว่าจะเอาหลอดกระดาษหรือหลอดพลาสติก

Starbucks ในสหรัฐฯ เริ่มนโยบายเลิกใช้หลอดพลาสติกตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 หลัง Seattle ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Starbucks ประกาศห้ามคาเฟ่และร้านอาหารใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งอย่างหลอดและอุปกรณ์กินอาหารอย่างช้อนส้อมมีดพลาสติก

มาตรการเลิกใช้หลอดพลาสติกจึงเริ่มต้นที่ Starbucks ใน Seattle พร้อมกับ Vancouver ประเทศแคนนาดาในปี 2018 จากนั้นจึงเริ่มขยายไปทั่วประเทศสหรัฐฯ และแคนนาดาในปี 2019 พร้อมกับเริ่มต้นที่ยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ ที่เริ่มมีการบังคับให้ยกเลิกการใช้หลอดพลาสติก กระทั่งช่วงปลายปี 2019 สาขา Starbucks ในแถบเอเชียหลายประเทศก็เริ่มทยอยเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษ อาทิ จีน ฮ่องกง มาเก๊า และเกาหลีใต้ เป็นต้น แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะยังไม่มีการบังคับให้เลิกใช้หลอดพลาสติกอย่างจริงจัง

ขณะที่ Starbucks ประเทศญี่ปุ่นจะเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษทุกสาขาภายในเดือน ม.ค. 2020 นี้ไล่เลี่ยกับไทย ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Starbucks.com ระบุว่า เฉพาะญี่ปุ่นประเทศเดียวก็จะสามารถลดการใช้หลอดพลาสติกได้มากถึง 200 ล้านชิ้นต่อปี และถ้ากว่า 28,000 สาขาทั่วโลก เปลี่ยนเป็นหลอดกระดาษหรือวัสดุทางเลือกอื่นๆ เช่น พลาสติกแบบย่อยสลายได้ (disposable plastic) จะสามารถลดปริมาณขยะหลอดพลาสติก (แบบใช้ครั้งเดียว) ได้กว่า 1,000 ล้านชิ้นต่อปี

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับแพ็คเกจ ด้วยการพิมพ์วลีรักษ์โลกเป็นภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น เป็นกิมมิคบนกระดาษห่อหลอดกระดาษ เช่นวลี “Reduce & Respect” และ “Together, we can create greener future” เป็นต้น

อันที่จริง ความพยายามในการลดการใช้หลอดพลาสติกของ Starbucks แบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกเริ่มมาก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ นั่นคือการเปลี่ยนมาใช้ฝาแก้วไรหลอด (strawless lids) ซึ่งเป็นฝาพลาสติกแบบนำกลับมารีไซเคิลได้ (recyclable plastic) สำหรับเครื่องดื่มเย็นและ Cold Foam …ส่วนเฟส 2 ก็คือการเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษ ในครั้งนี้

ได้ส่วนลดเพิ่มอีก 10 บาทสำหรับ Personal Cup

เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลดการใช้พลาสติกเพิ่มขึ้น ทุกวันพุธ เริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 8 ม.ค.-19 ก.พ. นี้ ลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาใช้ซื้อกาแฟที่ Starbucks ทุกสาขาทั่วประเทศไทย จะได้ส่วนลดเพิ่มเป็น 20 บาท จากเดิมที่ลดอยู่แล้ว 10 บาท

และนับจากนี้ กรณีที่ลูกค้าซื้อขนมกลับไปทานที่บ้านหรือออฟฟิศ (Takeaway) บาริสต้าอาจไม่ให้ช้อนส้อมพลาสติกหากลูกค้าไม่ได้แจ้งความจำนง เพื่อเป็นการกระตุ้นการลดใช้พลาสติก

ดังนั้น สาวกสตาร์บัคส์ยุค 2020 นอกจากจะต้อง “พกถุง” ออกจากบ้าน ในถุงยังควรต้องพกแก้ว … จะให้ดีอาจต้องพกชามช้อนส้อม รวมไปถึงหลอดแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (reusable straw) เพื่อเป็นอีกแรงในการช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก

ทำไมต้องตื่นตัวลดหลอดพลาสติก

เพราะหลอดพลาสติกต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนานกว่า 200 ปี (ขณะที่แก้วพลาสติกใช้เวลามากกว่า 400 ปี) จากรายงานของ Ocean Conservancy ได้สรุปข้อมูลปริมาณขยะตามชายหาดปี 2016 จาก 112 ประเทศทั่วโลก เผยว่า ขยะประเภทหลอดพลาสติกถูกจัดอันดับเป็นขยะที่พบได้มากเป็นอันดับ 7 โดย หากเอาหลอดมาวางต่อกันจะเทียบเท่ากับความสูง 145 เท่าของ อาคาร One World Trade Center (อาคารนี้สูงราว 540 เมตร)

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในปี 2015 ประเมินว่าเฉพาะสหรัฐฯ ประเทศเดียว มีการใช้หลอดพลาสติกถึง 500 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่โอบล้อมโลกได้ถึง 2.5 รอบต่อวันเลยทีเดียว 

สำหรับประเทศไทย จากฐานข้อมูลขยะทะเลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งทำการศึกษาข้อมูลขยะทางทะเลในปี 2015  พบว่าประเภทขยะทางทะเลที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ถุงพลาสติก  หลอดพลาสติก และฝาขวดน้ำ

ด้วยความตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ในการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2561  จึงได้พิจารณา (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ที่มีการกำหนดให้ลดและเลิกใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง 7 ประเภทที่พบมากในขยะทะเลของประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หลอดพลาสติก ซึ่งถูกกำหนดให้เลิกใช้ภายในปี 2568 นี้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer