ตลอดหลายเดือนที่ทั่วโลกเผชิญการระบาดของไวรัส Covid-19 รัฐบาลแต่ละประเทศก็ใช้แนวทางรับมือกับวิกฤตครั้งนี้แตกต่างกันไป โดยสิงคโปร์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ออกมาตรการยับยั้งไวรัสดังกล่าวอย่างได้ผล จนองค์การอนามัยโลก (WHO) ชื่นชม ทว่าล่าสุดประเทศเล็กพริกขี้หนูของกลุ่ม ASEAN เผชิญปัญหาใหม่ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นกว่า 3,699 คน โดยในจำนวนนี้ราว 40% เป็นแรงงงานต่างชาติ
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์วานนี้ (15 เมษายน) เพิ่มเป็น 3,699 คน มากเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศ ASEAN รองจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยงานใหญ่ที่รัฐบาลสิงคโปร์ต้องเร่งทำคือการกักตัวแรงงานต่างชาติที่ติดเชื้อ
ระบาดรอบแรกได้คำชมล้นหลาม แต่รอบสองถูกจับตามอง
ไวรัส Covid-19 ระบาดเข้ามาในสิงคโปร์เมื่อราวช่วงกลางมกราคมผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยไม่กี่วันถัดมารัฐบาลแจ้งให้ประชาชนทราบถึงเรื่องการระบาด และแจกแจงว่าผู้ติดเชื้อแต่ละคนติดมาจากใครและสถานที่ใด
พร้อมเดินหน้ารักษาผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลจนหายดี เตือนประชาชนให้รักษาสุขอนามัย อยู่ห่างจากจุดที่ผู้ติดเชื้อเคยไป และขอให้ประชาชนมั่นใจมาตรการรับมือการระบาดของรัฐบาล
วิธีนี้สามารถชะลอการระบาดอย่างได้ผล ยืนยันได้จากช่วงกลางมีนาคมจำนวนผู้ติดเชื้อขึ้นมาอยู่ที่เพียง 243 คนขณะที่สถานการณ์ระบาดทั่วโลกเริ่มทวีความรุนแรงและกระจายไปยังประเทศในทวีปยุโรป
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง
แม้หลังจากนั้นชาวสิงคโปร์แตกตื่นพากันไปซื้อของมากักตุน แต่แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ของนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง การสรุปสถานการณ์ระบาดและข้อมูลที่จำเป็นอยู่ตลอดจากรัฐบาลก็ทำให้สถานการณ์สงบลง
แต่นับจากปลายมีนาคมเป็นต้นผ่านมา สิงคโปร์ก็เผชิญการระบาดรอบสองไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จากชาวสิงคโปร์ที่กลับมาจากต่างประเทศและชาวต่างชาติ จนต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อที่สนามบิน

พอถึงเมษายน รัฐบาลสิงคโปร์ก็ประกาศใช้มาตรการตัดวงจรการระบาด (Circuit Breaker) ที่ประกอบไปด้วย การให้ประชากรราว 80% ของทั้งประเทศทำงานจากบ้าน ปิดโรงเรียนแล้วเปลี่ยนไปสอนผ่าน Online แทน และลดการให้บริการระบบขนส่งมวลชน
นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังทุ่มงบกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 41,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) พร้อมมาตรการเยียวยาต่างๆ เช่น ให้เงินเพื่อทดแทนการขาดรายได้ และช่วยออกเงินเดือนบางส่วนให้บริษัทที่ยังจ้างงานพนักงานอยู่

ทว่าก็เกิดปัญหาใหม่ขึ้น หลัง 10 เมษายน จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 1,900 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 1 ใน 3 เป็นแรงงานต่างชาติ
การระบาดในกลุ่มแรงงานต่างชาติ สร้างความกังวลให้ชาวสิงคโปร์ และทั่วโลกต่างจับตามอง เพราะสิงคโปร์มีแรงงานต่างชาติอยู่ถึง 200,000 คน กระจายอยู่ตามโครงการก่อสร้างและอยู่กันอย่างแออัดตามหอพักคนงานทั้ง 43 แห่งทั่วประเทศ

ดังนั้น การยับยั้งการระบาดในกลุ่มแรงงานต่างชาติ จึงเป็นการบริหารจัดการคนหมู่มากในพื้นที่ปิด ลักษณะเดียวกับเรือสำราญ Diamond Princess ที่เคยต้องจอดเทียบท่าในญี่ปุ่นนานนับเดือนกว่าจะสามารถยับยั้งการระบาดได้
จากตรวจ-แยก-กัก สู่นักแสดงดังที่ส่งกำลังใจมาให้
รัฐบาลสิงคโปร์ได้เข้าไปตรวจอาการของแรงงานต่างชาติตามหอพักคนงานทั้ง 43 แห่ง แล้วแยกกลุ่มที่ติดเชื้อกับกลุ่มที่ยังแข็งแรงดีออกจากกัน โดยกลุ่มที่ติดเชื้อย้ายจากหอพักเดิมไปอยู่ยังหอพัก 8 แห่งที่เปลี่ยนเป็นศูนย์กักตัว

ส่วนกลุ่มที่ยังแข็งแรงดีแบ่งออกอีกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ยังต้องออกไปทำงานเพราะอยู่ในภาคบริการ หรือโครงการก่อสร้างที่จำเป็น กับกลุ่มที่ถูกพักงานตามมาตรการยับยั้งการระบาด
กลุ่มแรกราว 7,000 คน ออกจากหอพักเดิมแล้วกระจายไปอยู่ตามที่พักชั่วคราวในค่ายทหาร ห้องพักการเคหะที่ยังว่างอยู่ และเรือที่พักของบริษัทลำเลียงสินค้ารวม 18 แห่ง ขณะที่กลุ่มหลังก็ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดเพื่อลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ
รัฐบาลสิงคโปร์ยังส่งบุคลากรทางการแพทย์ไปประจำอยู่ตามหอพักทั้ง 43 แห่ง จนกว่าการระบาดจะทุเลาและตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จัดอาหารให้ครบ 3 มื้อ มีสัญญาณ WiFi และจ่ายค่าจ้างให้คนงานต่างชาติช่วงกักตัว
Rajinikanth
พร้อมกันนี้รัฐบาลสิงคโปร์ยังติดต่อไปยัง Rajinikanth นักแสดงอาวุโสชาวอินเดียขวัญใจชาวเอเชียใต้ ให้โพสต์ Social Media เพื่อเป็นกำลังใจให้ชาวเอเชียใต้ ซึ่งครองสัดส่วนมากสุดในกลุ่มแรงงานต่างชาติของสิงคโปร์ ให้อดทนต่อความยากลำบากกับการอยู่ภายใต้มาตรการยับยั้งการระบาด
วานนี้ (15 เมษายน) จำนวนผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์เพิ่มเป็น 3,699 คน ในจำนวนนี้ 40% เป็นแรงงานต่างชาติ โดยจากนี้ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะสามารถยับยั้งการระบาดในพื้นที่จำกัดได้ดีแค่ไหน

เพราะคนงานต่างชาติในหอพักแต่ละแห่งยังต้องอยู่รวมกันห้องละหลายคน จึงสามารถเว้นระยะห่างจากกันได้ไม่มาก และอาจมีผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการรวมอยู่ด้วย/scmp, straitestimes, bbc, cnbc, forbes
–
