กรณ์ จาติกวณิช 18 ปี บนเส้นทางการเมือง กับหัวหน้าพรรคกล้า (สัมภาษณ์)

สัมภาษณ์นักการเมืองที่บ้าน คนคงรอเข้าพบมากมายแน่ ๆ นัดบ่าย 3 โมง อาจจะต้องรอคิวถึง 4 โมงเย็น นั่นคือสิ่งที่ Marketeer คิดก่อนไป

ตัดภาพมาพบกับความจริงที่เจอ ก่อนถึงเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง Marketeer ได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้า “พรรคกล้า” และเขาเป็นคนเดินออกมาเปิดประตูบ้านให้ ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง  

แล้วบทสนทนายามบ่ายก็เริ่มขึ้น จากหัวข้อที่เห็นด้วยตาในตอนนั้นคือเรื่องราวของบ้านหลังเล็ก  ๆ สีขาวน่ารัก ในพื้นที่ประมาณ 300 ตารางวา  ท่ามกลางตึกสูงย่านช่องนนทรี ซึ่งเป็นสถานที่นัดพูดคุยกัน

ก่อนจะเริ่มประเด็น ทิ้งเงินเดือน 6 ล้านบาทมาเล่นการเมือง

การมาก่อตั้งพรรคกล้าเมื่อปี 2563  

จนมาถึงเรื่องบันเทิง คราวนี้ก็สนุก กรณ์คือคอซีรีส์เกาหลีคนหนึ่งเหมือนกัน  

เอ๊ะ! จะเอาเวลาไหนไปดู ตามไปฟังกันเลย

กรณ์เริ่มเล่าว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่หลังที่เขาอยู่อาศัยจริง แต่บ้านจริง ๆ ก็อยู่ในซอยใกล้ ๆ กัน โดยที่ดินผืนนี้ซื้อไว้นานแล้วประมาณ 10 ปี

“คุณเจ” วรกร จาติกวณิช ภรรยา ซึ่งชอบเรื่องการตกแต่งก็เลยมาสร้างเป็นบ้านหลังเล็ก ไว้เป็นที่รับแขก เป็นที่ประชุมของเขาและลูก ๆ

“ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดแถวนี้ซื้อขายกันตารางวาละประมาณ 2 แสนบาท ในสมัยนี้ราคาน่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 เท่าตัวแล้วครับ”

 ครอบครัวคนรถของกรณ์ที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยจึงปลูกผักสวนครัว พริก มะเขือ กะเพรา ฟ้าทะลายโจร รวมทั้งเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ ในที่ดินตารางวาละเกือบ 4 แสนบาท

กรณ์พูดขำ ๆ ว่า เขาเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ก่อนลุงตู่พูดแนะนำอีกนะครับ

“นัดมาที่นี่ เพราะเงียบดีครับ ถ้าไปนั่งคุยกันที่บ้านจริง ๆ ก็เป็นเรื่องยากอีก เพราะที่นั่นผมเลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อกไว้ประมาณ 20 ตัว ซึ่งจะคอยมาเดินป้วนเปี้ยนเรียกร้องความสนใจตลอดเวลา”

ด้วยบุคลิกที่ดูสบาย ๆ ของ กรณ์ จาติกวณิช แต่วันนี้ในวัย 57 ปี กับบทบาทและภาระของการเป็นหัวหน้าพรรคกล้า คงไม่ง่ายและสบาย ๆ แน่นอน

18 ปีบนเส้นทางการเมือง

กรณ์จบปริญญาตรีทางด้านปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ จาก University of Oxford ประเทศอังกฤษ

ปี 2531 อายุ 24 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานบริษัทหลักทรัพย์ JF Thanakom  

ปี 2542 ขายหุ้น JF Thanakom ทั้งหมดให้กับ JP Morgan และนั่งเป็นประธานบริษัทต่ออีก 4 ปี

และปี 2547 ใน วัย 40 ปี เขาได้ลาออกจากประธานบริษัท JP Morgan ขายหุ้นทั้งหมดละทิ้งเงินเดือน 6 ล้านบาท เพื่อมาลงเล่นการเมือง

16 ปีในพรรคประชาธิปัตย์ กับตำแหน่งสำคัญมากมาย เช่น ส.ส. เขตสาทรยานนาวา 3 สมัย 15 ปี ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เข้าแก้วิกฤตการเงินแฮมเบอร์เกอร์

เคยได้รับการยกย่องจากนิตยสาร The Banker เป็นรัฐมนตรีคลังโลก จากผลงานพลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทย

ปี 2563 ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาก่อตั้งพรรคใหม่ “พรรคกล้า” บนความตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมไทย 

“แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ยอมรับว่าเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เป็นเรื่องที่ยากมาก ผมคงไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงต้องมีการเริ่มต้น ผมทำได้แค่ไหนก็จะทำ และจะทิ้งความตั้งใจไว้ให้กับคนรุ่นหลังในพรรคที่มีความคิดเดียวกันให้สานต่อต่อไป”

 2 ปีที่ผ่านมานั้นยอมรับว่ามีความท้าทายเกิดขึ้นในหลายเรื่อง คือ

“มันไม่ต่างกับการสร้างแบรนด์เลยครับ ทำอย่างไรให้คนรู้จัก เข้าใจ เชื่อและศรัทธาในตัวเรา เพื่อนำไปสู่ความรักและพร้อมที่จะสนับสนุนความคิดของพรรค ซึ่งเเน่นอนการเป็นแบรนด์ที่ยั่งยืนได้นั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา”  

การแบ่งขั้วการเมืองกันอย่างรุนแรง การเป็นพรรคที่ไม่เลือกข้างที่ชัดเจน และการเปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งระหว่างทางทำให้การทำงานของพรรคเล็ก ๆ ยากขึ้นไปอีก  

กรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลัง และสามารถดึงเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ ๆ ที่มีความสามารถไปร่วมทีมได้หลายคนเช่น วรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค อดีตผู้ก่อตั้งธุรกิจ B2S-OfficeMate เจ้าของ SME เล็ก ๆ ที่กลายเป็นซีอีโอบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มียอดขายเป็นหมื่นล้านบาท

หรือที่ปรึกษาพรรคอย่าง สมคิด จิรานันตรัตน์ ผู้ก่อตั้ง settrade.com ระบบหลักทรัพย์ในโลกออนไลน์ ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ เช่น “พร้อมเพย์  “เป๋าตัง”

แต่เขายอมรับว่ายังไม่สามารถสื่อสารตัวตนของพรรคที่มีจุดเด่นในเรื่องของทีมเศรษฐกิจให้ประชาชนเข้าใจได้ดีนัก      

“ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ยังเป็นปัญหา อาจเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาเรื่องของเศรษฐกิจมันไม่มีดราม่า เลยเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารออกไป เเละผมก็ถนัดที่จะพูดในเรื่องยาก ๆ แต่ยอมรับว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย  และต่อไปเราก็จะเอาเรื่องนี้มาพูดมากขึ้นในการหาเสียง  เพื่อจะสื่อต่อไปว่าในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า พรรคที่ควรเลือกคือพรรคที่มีความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ และต้องการให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาวิกฤตในเรื่องของปากท้องประชาชนก่อนวิกฤตในเรื่องอื่น ๆ”

วันนี้ความดราม่าเกิดขึ้นแล้วเมื่อกำลังจะเกิดปรากฏการณ์ # แพงทั้งแผ่นดิน

พรรคกล้าจะใช้เป็นโอกาสในการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ได้หรือไม่ ต้องคอยติดตาม

Work-life Balance และ Enjoy Life อย่างไร

ถึงแม้เป็นคนที่ทำงานหนัก แต่กรณ์บอกว่าให้ความสำคัญในเรื่อง การนอนและออกกำลังกายมาก สมัยหนุ่ม ๆ อาจจะเล่นเทนนิส แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายในห้องยิมที่บ้านเกือบทุกวัน

รวมทั้งชอบเพลง K-pop และชอบดูซีรีส์เกาหลีมากกกก

แล้วเอาเวลาที่ไหนไปดู เพราะแต่ละเรื่องมีหลายภาค หลายตอนมากกว่าจะจบ

“ดูช่วงนั่งรถเดินทางครับ เพราะผมเดินทางเยอะมาก  ก่อนนอนผมก็ไม่อยากเครียด นอนไม่หลับ หรือหลับไปด้วยเรื่องของงาน ก็ต้องเปิดดูก่อนประมาณ 30-40 นาที

บางวันก็จะย้อนไปดูเรื่องเก่า ๆ ตอนไหนก็ได้ของเรื่อง “สตาร์ทอัพ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมชอบมาก หรือเรื่อง “Crash Landing on You” (ปักหมุดรักฉุกเฉิน) อย่างน้อยให้เห็นหน้า ซอนเยจิน (ชื่อดาราที่เล่นเป็นนางเอก) ก็แฮปปี้แล้ว”    

ซีรีส์เรื่องสุดท้ายที่ดูค้างอยู่กับภรรยาคือ “The devil judge” เหตุผลหนึ่งที่ดูคือ ชอบพระเอกคนนี้เพราะตามมาตั้งแต่เล่นเรื่อง “Doctor John”

Squid Game” นี่ผมก็ชอบมาก เรื่องนี้ลูก ๆ ดูนะ แต่ซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดูกัน เขาดูยูทูบกันมากกว่า ยังมานั่งคิดว่าคนดูซีรีส์เกาหลีจริง ๆ ก็ไม่น่าจะใช่วัยเด็ก ๆ นะครับ”

สำหรับตัวเขาเองดูซีรีส์ได้หมดทุกประเภท คอมเมดี้ รักโรแมนติก หนังย้อนยุค เช่น “Six Flying Dragons” และหนังประวัติศาสตร์เกาหลีเรื่องอื่น ๆ

 พอติดซีรีส์เกาหลีมาก ๆ ทำให้กรณ์เริ่มสนใจไปในเรื่องอุตสาหกรรมบรรเทิงของเกาหลีด้วย  

“ปีที่แล้วตอน Squid Game กำลังดัง ผมเดินทางไปอังกฤษ แปลกใจมากว่าทุกคนที่อังกฤษ พูดถึงเรื่องนี้ คือเป็นเรื่องที่ดังไปทั่วโลกจริง ๆ ก็เลยติดตามดูว่าในทางเศรษฐกิจมีผลอะไรกับเกาหลีหรือเปล่า ปรากฏว่ารายได้จากการผลิตเขาได้น้อยมาก คนที่ได้จริง ๆ คือตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix ที่แถลงข่าวว่าเรื่องนี้มีอิมแพ็กมาก สร้างรายได้ให้เกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐ” 

ซึ่งเกาหลีเองก็ต้องปรับยุทธศาสตร์ เขารู้แล้วว่าคอนเทนต์ดีแค่ไหน มันไม่พอ ต้องเป็นเจ้าของแฟลตฟอร์ม แต่ตอนนี้แข่งขันกันมากทั้ง Netflix, HBO Go, Apple TV, Disney ดังนั้นเขาเลยข้ามผ่านไปคิดยึดครองพื้นที่ใน Metaverse ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในโลกอนาคต

เมื่อแพลตฟอร์ม Metaverse นี้บวกกับจุดแข็งของคอนเทนต์ทั้งในเรื่องละคร ดนตรี และเกม จะทำให้เกาหลีสามารถทำเงินได้มหาศาลในอนาคต

ผมเลยคิดกลับมาที่ประเทศไทยเราว่า ทั้งหมดนี้เราจะสามารถไปต่อกับมันได้อย่างไร  

Soft Power กับการพัฒนาประเทศไทย  

“เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่พรรคเราปักธงไว้ตั้งแต่แรก เกี่ยวกับทางออกของประเทศไทย   ประเทศเราจะโตไปแบบไหน เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คนรุ่นใหม่จะต้องมีอาชีพแบบไหนในอนาคต  คำตอบของผมก็คือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ Soft Power นี่ล่ะครับ”

 Soft Power มีหลายแขนงมาก เรามีทุนเดิมเยอะมาก อาจจะเยอะกว่าเกาหลีด้วยซ้ำไป ความคิดสร้างสรรค์คนไทยไม่แพ้ใคร แต่ขาดการสนับสนุน ขาดกลไกที่ทำให้มีการลงทุน แต่โอกาสเรื่องนี้มีมหาศาลและใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ

เพราะฉะนั้นเราควรจะแบ่งเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ออกเป็นสาขาเลย แล้วดูว่าสาขาไหนที่เรามีโอกาสไปได้มากที่สุด

เรื่องที่เรามีจุดแข็งและมีโอกาสมากอยู่แล้วคือเรื่องอาหาร ศิลปวัฒนธรรม หรือแม้แต่ในเรื่องกีฬา ทั้งประเภทเดิม ๆ หรือ อีสปอร์ต รวมไปถึงกีฬาที่เป็นสัญลักษณ์ของเราอยู่แล้ว เช่น มวยไทย        

ยอมรับว่า Soft Power เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เป็นเรื่องที่ถูกจริตกับคนรุ่นใหม่ ที่ชอบที่จะมีอาชีพอิสระ   

เย็นมากแล้ว ได้เวลาที่กรณ์ร่ำลาทีมงาน Marketeer เขาบอกว่าต้องออกไปช่วย อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า หาเสียงลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 มกราคมนี้

เป็นบทพิสูจน์สำคัญอีกครั้งของพรรคกล้า ว่าช่วงระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์นี้เป็นที่ยอมรับของผู้คนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของการเมืองไทยแล้วมากน้อยแค่ไหน  

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน