ปิดดีลเรียบร้อยโรงเรียนเฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กับการเข้าซื้อธุรกิจยูนิลีเวอร์ไลฟ์  หรือยูไลฟ์ ซึ่งเป็นธุรกิจขายตรงของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย

การซื้อธุรกิจครั้งนี้เฮียฮ้อใช้งบในการปิดดีลทั้งหมด 880 ล้านบาท

 

เหตุผลของเฮียฮ้อในการเข้าซื้อยูนิลีเวอร์ไลฟ์ คือ

1. ต่อยอดโมเดล Entertainmerce ที่นำจุดแข็งของธุรกิจ Entertainment และ Commerce มารวมกันเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ RS เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

การเข้าซื้อธุรกิจขายตรงของยูนิลีเวอร์ไลฟ์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในปีนี้ จากการมองหาโอกาสทางธุรกิจผ่านการเข้าซื้อกิจการในรูปแบบ M&A (Mergers and Acquisitions) และ JV (Joint Venture)  หรือการเข้าซื้อหรือลงทุนในธุรกิจหรือสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต

 

ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจ Commerce คือธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับ RS และเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2562 RS มีรายได้ 3,611.1 ล้านบาท

มาจาก

ธุรกิจ Commerce 2,012.4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 55.7% ของรายได้รวม

ธุรกิจ Entertainment (รวมธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลง) 1,598.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 44.3% ของรายได้รวม

 

ในปี 2563 RS มีรายได้ 3,774.2 ล้านบาท

มาจาก

ธุรกิจ Commerce 2,381.8 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 63.1% ของรายได้รวม

ธุรกิจ Entertainment (รวมธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลง) 1,392.4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36.9% ของรายได้รวม

 

ใน 9 เดือนแรกของปี 2564 RS มีรายได้ 2,837 ล้านบาท

มาจาก

ธุรกิจ Commerce 1,767 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 62.3% ของรายได้รวม

ธุรกิจ Entertainment (รวมธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลง) 1,070 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 37.7% ของรายได้รวม

 

ส่วนเป้าหมายปี 2565  RS ต้องการรายได้ 5,100 ล้านบาท

ธุรกิจ Commerce 2,750 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 53.9% ของรายได้รวม

ธุรกิจ Entertainment (รวมธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลง) 2,350 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 46.1% ของรายได้รวม

 

2. RS ต้องการนำยูนิลีเวอร์ไลฟ์ เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ขาย Ecosystem ของ RS ให้แข็งแกร่งทั้งในเรื่องของ Product และช่องทางจัดจำหน่าย พร้อมกับสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ Commerce และการ Synergy ภายในกลุ่มธุรกิจ

เฮียฮ้อมองว่าหลังจากซื้อธุรกิจยูนิลีเวอร์ไลฟ์แล้วจะสามารถนำศักยภาพของยูนิลีเวอร์ไลฟ์ที่อยู่ในธุรกิจขายตรงมากว่า 22 ปี เข้ามาเสริมทัพให้ธุรกิจ RS ให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแรงได้มากขึ้น

เป้าหมายที่เฮียฮ้อวางไว้กับยูนิลีเวอร์ไลฟ์คือ บริษัทที่ติด Top5 ของขายตรงในประเทศไทยภายในระยะเวลา 5 ปี

และเฮียฮ้อมั่นใจว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 ยูนิลีเวอร์ไลฟ์จะสามารถสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาทได้ไม่ยาก

จุดเด่นของยูนิลีเวอร์ไลฟ์คือ เป็นธุรกิจขายตรงที่จัดจำหน่ายสินค้าพรีเมียม ได้แก่ สกินแคร์ เสริมอาหารและความงาม อาวียองซ์  และเสริมอาหารบียอนด์ และ ไอเฟรซ สินค้าดูแลสุขภาพและช่องปาก รวม 43 ผลิตภัณฑ์ 76 SKU

ซึ่งแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์ที่มีลูกค้าประจำ สมาชิกเครือข่าย 150,000 ราย และมีช่องทางจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์โดยเฉพาะแบรนด์อาวียองซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ยูนิลีเวอร์ไลฟ์นำมาทำตลาดผ่านธุรกิจขายตรงตั้งแค่ปี 2543 หรือ 22 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การเชื่อมโยง Ecosystem ของธุรกิจยูนิลีเวอร์ไลฟ์ยังสามารถนำมาเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์ม Popcoin ซึ่งเป็น สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม ของ RS  มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจได้ ทั้งด้านยูสเคสการใช้งานและการขยายฐานลูกค้า Popcoin ไปยังฐานลูกค้าของยูนิลีเวอร์ไลฟ์ได้

 

3. ธุรกิจขายตรงยังมีโอกาสการเติบโตอย่างน้อย 6-7% ต่อปี แม้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจะติดลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

จากข้อมูลของสมาคมขายตรงไทย อ้างอิงกันยายน 2564 พบว่า

ปี 2563 ธุรกิจขายตรงมีมูลค่า 70,000 ล้านบาท ติดลบ 1%

ปี 2564 มูลค่า 68,600-69,300 ล้านบาท

การซื้อธุรกิจยูนิลีเวอร์ไลฟ์ในครั้งนี้จึงเป็นการซื้อโอกาสธุรกิจที่จะกลับมาเติบโตในอนาคตหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง เพราะธุรกิจนี้นายกสมาคมขายตรงไทยยังยืนยันว่ามีศักยภาพ

และในตลาดขายตรงไทยมากถึง 60% จะมุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และ 20% เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับความงามซึ่งตรงกับสินค้าที่ยูนิลีเวอร์ไลฟ์มี

 

 อย่างไรก็ดี เรามองว่าหลังที่ยูนิลีเวอร์ไลฟ์ เข้ามาอยู่ในมือเฮียฮ้อแล้ว เราคงได้เห็นมูฟเมนต์ใหม่ ๆ แน่นอน

I-



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online