SCG International ชู 3 กลยุทธ์ สู่พันธมิตรการค้าครบวงจรระดับโลก รุกปั้นโมเดลศูนย์กระจายสินค้า The Dubai Hub เจาะ SAMEA ตลาดเกิดใหม่ คาดยอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ปี 65 โตเฉลี่ย 6% ในระยะยาว

นายอบิจิต ดัตต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SCG International (เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล) บริษัทด้านการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า SCG International ได้นำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ผ่าน 3 กลยุทธ์ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และธุรกิจ SMEs 

ได้แก่ End-to-End Supply Chain Solutions, Green Business และ B2B ASEAN E-Marketplace

1.โซลูชั่นบริหารจัดการสินค้าและวัตถุดิบให้ลูกค้าแบบครบวงจร (End-to-End Supply Chain Solutions) : มีความสมบูรณ์แบบในการจัดหาโซลูชั่นที่มีความยืดหยุ่น (Resilient Solutions) และโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ (โซลูชั่น Efficient Solutions) เพื่อนำเสนอบริการ Supply Chain ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือธุรกิจ SMEs

ด้วยความพร้อมในหลายมิติเราจึงมุ่งเจาะกลุ่ม SAMEA ตลาดเกิดใหม่ ในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ รวมถึง กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางอย่างกลุ่ม GCC ความร่วมมืออ่าวอาหรับที่เจาะกลุ่ม 6 ประเทศ 

ซาอุดิอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์และบาห์เรน รวมถึงประเทศในแอฟริกา ซึ่งเฉพาะกลุ่ม SAMEA นั้น มีอันดับการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีประชากรรวมกันมากกว่า 45% ทั่วโลก

และบริษัทกำลังสร้าง The Dubai Hub เพื่อเป็นศูนย์กลางบริหารสินค้าในกรุงดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งและต้นทุนสินค้าในการค้าขายในกลุ่ม SAMEA 

อีกทั้งบริษัทมองว่าดูไบเป็นเมืองที่เอื้อต่อการเชื่อมต่อไปยังสองประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างจีน และอินเดีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้ารายใหญ่ของโลกด้วย

2.ธุรกิจสีเขียว (Green Business) : มุ่งเน้นการขยายสินค้าและบริการในกลุ่มธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย Smart Clean Mobility โซลูชั่นบริการครบวงจรสำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) รวมบริการต่างๆ เพื่อช่วยจัดการค่าใช้จ่ายและความคล่องตัวของผู้ใช้ระดับองค์กรทุกประเภท สำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ 

ไปจนถึงโซลูชั่นจัดหาเพื่อธุรกิจโซลาร์ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นผู้นำการนำเข้าสินค้าและบริการเกี่ยวกับธุรกิจโซลาร์ โดยศักยภาพธุรกิจโซลาร์ของ SCG International เป็นไปในลักษณะ Volume Consolidation เนื่องจากมีการรุกตลาดธุรกิจโซลาร์ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ

การพัฒนาโมเดลธุรกิจ Smart Clean Mobility ของ SCG International เป็นไปในลักษณะใช้ Demand Driven จากจำนวนการใช้รถไฟฟ้าของทั้งเครือ SCG มีอยู่ประมาณ 14,500 คัน ครอบคลุมการใช้รถหลากหลายประเภท (Applications) ด้วยปริมาณการใช้งานจำนวนมากจะก่อให้เกิดการพัฒนา Charging Station ที่มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดในการขยายธุรกิจ

นอกจากโมเดลธุรกิจ EV แล้ว SCG International ยังพร้อมขยายโซลูชั่นการจัดหาและบริการไปยังธุรกิจแผงโซล่าเซลล์ หรือที่เรียกว่า BIPV (Building Integrated Photovoltaics) ครอบคลุมตั้งแต่แผงโซลาร์, ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (ESS- Energy storage) ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการความยั่งยืนและแสวงหาพลังงานทางเลือกแบบครบวงจร

3.แพลตฟอร์มดิจิทัลเข้าถึงกลุ่ม B2B ในตลาดอาเซียน (B2B ASEAN E-Marketplace) : ช่วยให้คู่ค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ผ่าน B2B ASEAN E-Marketplace ซึ่งดำเนินการโดย SCG International ด้วยแพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกให้เจ้าของ SMEs ดำเนินธุรกิจแบบ B2B ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะสินค้าด้านการเกษตรและสินค้ายานยนต์ โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน

“บริษัทตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 6% ในระยะยาว โดยมียอดขาย 54,000 ล้านบาท ในปี 2565 มีเป้าหมายเป็นผู้นำพันธมิตรการค้าครบวงจรระดับโลก (Trusted International Supply Chain Partner) เน้นขับเคลื่อนการเติบโต โดยขยายธุรกิจสู่ตลาดที่จะเป็นเมกะเทรนด์ของโลก อาทิ SAMEA เป็นต้น”

ด้าน มร.อัลวิน แอนทัน คาร์ลอส ออง หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ e-Commerce และ Supply Chain ระหว่างประเทศ ในฐานะฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนกลยุทธ์ B2B ASEAN E-Marketplace เผยว่า BIG Thailand เป็น B2B E-Marketplace ภายใต้การบริหารของ SCG International เป็นพื้นที่เชื่อมโยงธุรกิจอันทรงพลัง ระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขายที่มีศักยภาพ 

เป็นแพลตฟอร์มรวมสินค้ายานยนต์และการเกษตรที่ให้บริการเต็มรูปแบบครอบคลุมทุกฟังก์ชั่น รวมไปถึงบริการด้านการเงินจากพันธมิตร (Financial Solution) และระบบการจัดการที่เชื่อถือได้

ปัจจุบัน BIG Thailand มีบัญชีผู้ซื้อกว่า 30,000 ราย มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 20,000 บาทต่อคำสั่งซื้อ 

มีจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์เติบโตขึ้น 55% นับจากปี 2563-2564 ด้านผู้ขายมีมากกว่า 500 ราย ในขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ซื้อ มีการเติบโตสูงขึ้นมากถึง 2,000% ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี 

โดยมีหมวดหมู่สินค้ามากกว่า 13 ประเภท อาทิ กลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า, เกษตรกรรม, ผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์, กลุ่มน้ำมันเครื่องและของเหลว, กลุ่มยางและล้อ โดย BIG Thailand มีอัตราการเติบโตล่าสุด คิดเป็น 30% 

ในอนาคต BIG Thailand มีแผนจะขยายฐานใหม่ๆ ไปพร้อมกับสร้างแพลตฟอร์มในแต่ละประเทศอาเซียนเพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายระดับภูมิภาค และเจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ใน อาเซียน ไปสู่การเป็นศูนย์จำหน่ายระดับภูมิภาค

นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขายการตลาดและบริการ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร และตลาดรถขุดเล็ก ในฐานะคู่ค้ากับ SCG International เผยว่า ที่ผ่านมา SCG International เข้ามาช่วยสร้างเครือข่ายให้กับสยามคูโบต้า และขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีศักยภาพในต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา และกำลังเดินหน้าไปสู่กลุ่มประเทศใหม่ๆ ช่วยสร้างแบรนด์สยามคูโบต้าให้เป็นที่ยอมรับในตลาดเพิ่มมากขึ้น จากการจัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสินค้าของสยามคูโบต้าและสินค้าแบรนด์อื่น

ทั้งเนื่องจาก SCG International มีเครือข่ายและคอนเน็คชั่นที่ดีในหลายประเทศ ช่วยให้สยามคูโบต้ามีโอกาสได้รับความร่วมมือที่ดีจากภาคภาครัฐและเอกชน อย่างในกัมพูชาเกิดความร่วมมือกัน ทำให้สินค้าได้รับการยกเว้นภาษี (Tax exemption) สำเร็จ 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online