การเปิดตัวโครงการ In Vent (อินเว้นต์) โดยบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์  จำกัด (มหาชน)   เพื่อสนับสนุน  Startup ในรูปแบบ Corporate Venture  Capital   อย่างจริงจังเมื่อปี 2012   และการกล้าให้เงินสนับสนุนก้อนแรก  60 ล้านบาทกับ อุ๊คบี  Ookbee   “Digital Book Store” ที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดยิ่งเพิ่มกระแสให้โครงการ Startup เมืองไทยเป็นที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นจากบรรดา VC ทั้งไทย และต่างประเทศ

3 ปี อินเว้นต์ได้เข้าร่วมลงทุนไปแล้ว 6 บริษัท ใช้เงินไปแล้วประมาณ 200 ล้านบาท เป็นธุรกิจที่เป็น Seed   Funding  2 โครงการ เป็น Series-A 4 โครงการ และจากนี้ไปได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณปีละ 200 ล้านบาท จำนวน 4-5 โครงการต่อปี

ธนพงษ์ ณ ระนอง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)   กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ มีอีก 2 บริษัทที่กำลังจะเซ็นต์สัญญาและยังมีดีลใหญ่ที่กำลังศึกษาอีก 2-3 บริษัท มูลค่าลงทุนอีกประมาณ 100  ล้านบาท

สำหรับ Startup ที่อินเว้นต์สนใจเข้าไปเข้าไปร่วมลงทุนจะเป็นบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเป็นหลัก และอยู่ในสายธุรกิจหลักคือ ธุรกิจโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ  และดิจิตอล คอนเท้นท์  และมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สามารถสนับสนุนธุรกิจของอินทัชได้ โดยรอบของการลงทุนจะโฟกัสที่  Series-A 4 เป็นหลัก เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อบริษัท

6 Startup ที่อินเว้นต์เลือก

“ต้องบอกว่าเราไม่ได้หวังผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นแค่ตัวเงินเพียงอย่างเดียว   แต่เราต้องการให้มีสินค้าและโปรดักท์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมารองรับการใช้งานของลูกค้าเรา และของบริษัทในเครือทั้งหมดด้วย”

อย่างเช่น อุ๊คบี ซึ่งบริษัทลงทุนไป 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 60 ล้านบาท เป็นคอนเท้นท์หนึ่งที่ทำให้ เอไอเอส บุ๊คสโตร์เติบโตไปด้วย ล่าสุด อุ๊คบี ยังได้รับเงินลงทุนใน Series-B  จากบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นอีก  7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

Medi  Tech    เป็นอุปกรณ์ช่วยคนป่วยที่ขยับตัวไม่ได้ให้สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้    โครงการนี้ซื้อมาตั้งแต่เป็น Seed   ลงทุนไปเพียง 4.8 ล้านบาท

“ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาโปรดักท์ออกมาขาย  ตัวนี้อาจจะดูเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม แต่ มองว่าเป็นเรื่องของการช่วยเหลือสังคมด้วย เพราะเทคโนโลยีสามารถต่อยอดไปช่วยเหลือคนป่วยในเรื่องอื่นๆ ได้ด้วย”

Computerlogy  เป็นเทคโนโลยีหลักที่ช่วยให้แบรนด์ตรวจสอบชื่อเสียงทางด้านออนไลน์แบบเรียลไทม์  ลงทุนไปประมาณ 30 ล้านบาท

ปัจจุบันมีองค์กรต่างๆ เข้ามาเป็นลูกค้าแล้ว AIS เองก็ใช้ตัวนี้ในการวิเคราะห์การตลาด  บริษัทนี้เพิ่งประกาศว่ามีบริษัทเกาหลีมาซื้อหุ้นส่วนใหญ่ไป  โดยอินเว้นต์ยังถือหุ้นอยู่ประมาณ 25%

Infinity Levels Studio  เป็นเรื่องของโมบายเกม ลงทุนไปเมื่อปีที่ผ่านมาในขั้นตอน Seed ประมาณ 15 ล้านบาท ตอนที่ซื้อมาเป็นโปรดักท์ที่พัฒนาเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้เอาออกมาขาย  แต่ตอนนี้ออกสินค้าไปขายทั่วโลกแล้ว ผลการตอบรับค่อนข้างดี

“บริษัทนี้เราสนใจตัวผู้ลงทุนที่เคยทำเกมที่ดังมากในตลาดโลกมาก่อน  เชื่อมั่นในตัวทีมเขา   และตอนนี้เขากำลังหา Series-A เข้าให้ทุน ซึ่งอาจจะเป็นเราอีกก็ได้”

Sinoze เป็นเกมเหมือนกัน  อินเว้นต์ตัดสินใจลงทุนประมาณ  22 ล้านบาท เพราะตัวโปรดักท์  ที่มียอดดาวน์โหลดถึง 5 ล้านดาวโหลดในประเทศไทย  มี User ใช้งาน 1 ล้านดาวน์โหลด  เกมตัวนี้ตัวเดียว ธนพงษ์มองว่าได้กำไรอยู่แล้ว แต่เขาต้องการหาทุนเพื่อไปพัฒนาเกมตัวใหม่

บริษัท  6  บริษัทสุดท้ายของครึ่งปี 2558 คือ  Playbasis   เป็นระบบของ Customer  Engagement   ที่จะช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่เพิ่มความผูกพันของผู้ใช้ ลงทุนไป 45 ล้านบาท

โฟกัสแพลตฟอร์ม เพื่อง่ายต่อการขยายตัว

“เราโฟกัสรูปแบบการลงทุนที่เป็นแพลตฟอร์มเป็นหลัก ไม่ค่อยลงอะไรที่เป็นแอพเดี่ยวๆ  อย่างเกมเราก็ต้องมองทีม มีแพลตฟอร์ม  ทำให้สามารถพัฒนาเกมใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  ไม่งั้นเกมใหม่มาต้องทำใหม่หมดเราก็ไม่โอเค”

ธนพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า จุดแข็งของอินเว้นต์ในการเข้าไปลงทุนกับ Startup  ไม่ได้แค่เพียงลง เงินให้อย่างเดียว แต่ยังมีคอนเนคชั่นพาไปเปิดตลาดกับลูกค้าต่างประเทศ หรือถ้าเป็นลูกค้าแอพพลิเคชั่นก็มีฐานลูกค้ามือถือรองรับอีกประมาณ 40 ล้านคน

ประสบการณ์ คอนเนคชั่น และฐานลูกค้าที่ทางอินเว้นต์มี ทำให้เขามั่นใจว่าจะทำให้โครงการประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น โดยวางระยะเวลาการลงทุนไว้ 3-5 ปี ส่วนการถือหุ้นไม่จำกัด โดยปกติ จะถือกันอยู่ที่  5-35%
 ล้อมกรอบ

5 คุณสมบัติโดนๆ ของ Startup      

1. Product (ผลิตภัณฑ์)  Product ที่ทำออกมานั้นน่าดึงดูดแค่ไหน ตอบโจทย์คนทั่วไปหรือเปล่า   แก้ปัญหา Pain Point เรื่องอะไร และเป็น Product ที่จำเป็นต้องใช้ หรือมีการใช้งานต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้ น่าใช้ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ด้วยข้อมูลหลายด้านเช่น จำนวน Download Monthly Active Users, Retention Rate, Conversion From Registered Users to Paid Users Rate   ถึงแม้ผลงานจะดูดี แต่ไม่มีคนใช้ โอกาสที่จะได้รับเงินทุนก็น้อยลงทันที

2. Market Size (ขนาดของตลาด) ไม่ว่าโปรดักท์จะดีอย่างไร WOW  ขนาดไหน   แต่ถ้าตลาดเล็ก เฉพาะกลุ่มเป็น  Niche Marketมากๆ ก็จะไม่สนใจ   Startup ต้องแสดงให้เห็นภาพว่าทำไมสิ่งที่คุณกำลังนำเสนออยู่มีขนาดของตลาดที่ใหญ่จนน่าดึงดูดจริงๆ มีตัวอย่าง มีตัวเลขบอกที่มาที่ไปของสมมุติฐานของคุณ นักลงทุนนั้นมีประสบการณ์ไม่น้อย และรู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องจริงหรือไม่

3. แผนธุรกิจ Business Model ต้องแข็งแรงชัดเจน  หรือเป็นโมเดลที่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้  และประสบความสำเร็จ ไม่ใช่โมเดลที่ใหม่เอี่ยมที่ทำให้ไม่มั่นใจในการเข้าไปลงทุน    ตัวเลขที่เกินความเป็นจริงไปมาก ไม่ได้ช่วยให้ Valuation ดูดี แต่อาจส่งผลถึงความน่าเชื่อถือและสะท้อนถึงความสามารถในการวิเคราะห์การตลาดของ Startup เพราะตัวเลขหรือค่าต่างๆ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบจากแหล่งอื่นๆ ได้อีกมาก

4. Barrier to Entry ตัวธุรกิจมีโอกาสที่จะถูกลอกเลียนแบบได้ง่ายหรือไม่ อะไรคือความแตกต่าง เช่น ตัวเทคโนโลยีลอกเลียนแบบได้ยาก (Proprietary Technology) เป็น Business Model ที่ทำได้ยากหรือใช้เวลานานกว่าจะไล่ตามได้ทัน

5. Management Team (ทีมบริหาร) ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ทำ  และที่สำคัญ ต้องมีวิสัยทัศน์ และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ตรงกันกับทางอินเว้นต์

ธนพงษ์ กล่าวสรุปว่า บางครั้งทุกอย่างข้างต้นดีหมด แต่พอพูดคุยกันพบว่าบางสิ่งบางอย่างคิดไม่เหมือนกัน   มีการต่อต้านทางความคิด โอกาสที่จะร่วมงานกันก็เป็นเรื่องยาก

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer