ทั้งที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เพียงสมัยเดียว แต่ถ้าเป็นลีกฟุตบอล อังกฤษคือประเทศที่ถือเป็นเบอร์ต้น ๆ โดยไม่ว่าผ่านมากี่ยุคกี่สมัย Premier League ก็ยังเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากสุด
Premier League ฤดูกาล 2023-24 ที่เพิ่งเปิดฉากไปเมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดต่อหนึ่งฤดูกาลก็อยู่ที่ 4,669 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.6 แสนล้านบาท) ซึ่งถือว่าสูงสุดในโลก มากกว่าลีกกีฬาอื่น ๆ ทั้งบาสเกตบอล NBA และ UEFA Champions Leagues ลีกฟุตบอลสูงสุดของยุโรป
Premier League ฤดูกาลนี้ยังมีเรื่องน่าสังเกตอีกอย่างที่แตกออกมา โดยเป็นขาขึ้นของ Umbro ที่มีสัญญาทำชุดแข่งสูงสุด ด้วยจำนวน 5 สโมสร คือ Bournemouth, Bretford, Burnley, Luton Town และ West Ham United หลัง Burnley และ Luton Town เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ
จริงอยู่ที่ทั้ง 5 สโมสร ไม่ใช่สโมสรดัง ไม่ใช่ระดับทอป แต่ขาขึ้นครั้งนี้ก็คงสร้างความภาคภูมิใจให้ชาวอังกฤษ เพราะนี่คือแบรนด์สัญชาติอังกฤษที่อยู่มานาน คุ้นตาคอบอลทั่วโลก และเริ่มต้นจากกิจการขนาดเล็กมาก ซ้ำยังอยู่หลังผับอีกด้วย
Umbro ก่อตั้งเมื่อปี 1924 โดย Harold และ Wallace Humphreys จากธุรกิจเล็ก ๆ หลังผับ ที่หมู่บ้าน Mobberley ทางภาคเหนือค่อนไปทางตะวันตกของอังกฤษที่พ่อแม่ทั้งคู่เป็นเจ้าของ ซึ่งชื่อแบรนด์และชื่อบริษัทก็กร่อนคำมาจาก Humphreys Brothers ให้เหลือแค่ Umbro นั่นเอง
คู่พี่น้องตระกูล Humphreys เริ่มทำแบรนด์จากความนิยมในฟุตบอลยุค 20 จากนั้นในปี 1930 ก็ขยับขยายจากธุรกิจเล็ก ๆ เป็นใหญ่ขึ้นจนมีโรงงานแห่งแรก และรุกสู่การทำชุดรักบี้ด้วยในปี 1933
หมุดหมายสำคัญต่อมาของ Umbro คือการที่ Manchester City และ Portsmouth คู่ชิง FA Cup ปี 1934 ต่างสวมชุดแข่งของแบรนด์ ถือเป็นการช่วยโปรโมตอย่างดี จนต่อมาสโมสรอื่น ๆ อย่าง Manchester United, Tottenham Hotspur และ Blackpool ติดต่อขอให้ทำชุดแข่งให้บ้าง
ต่อมาในยุค 50 Umbro ก็ดังจนฉุดไม่อยู่ โดยได้ทำชุดแข่งให้ทีมชาติอังกฤษในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1952 และทำชุดแข่งให้ฟุตบอลชายทีมชาติบราซิลปี 1958 ที่ไปคว้าแชมป์สมัยแรกมาได้อีกด้วย
ข้ามมาปี 1966 ที่อังกฤษได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก Umbro ก็ได้ทำชุดแข่งให้ และจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการได้เป็นแบรนด์ของทีมที่คว้าแชมป์อีกครั้ง หลังอังกฤษ ชนะ เยอรมนีตะวันตกไปได้ 4-2
หมุนเวลาต่ออีก ไปในปี 1986 Umbro ขยับขยายอีกครั้ง ด้วยการก้าวไปผลิตรองเท้าฟุตบอล และพอถึงฟุตบอลยูโรปี 1996 ทีมชาติอังกฤษก็สวม Umbro ทั้งตัว ลงเตะ ไล่ตั้งแต่ชุดแข่ง รองเท้าและถุงเท้า
จุดเปลี่ยนทางธุรกิจของ Umbro มาถึงอีกครั้งในปี 2007 หลัง Nike ปิดดีล 361 ล้านดอลลาร์ (ราว 12,700 ล้านบาทตามค่าเงินปัจจุบัน) ซื้อไปอยู่ใต้ชายคา
แต่พอถึงปี 2012 Iconix Brand group ที่เป็นเจ้าของ Ecko, Pony และ Mossimo ก็มาซื้อต่อไป
ปี 2019 ได้มีการผลิต Sneaker ออกมา รับกับเทรนด์ Sneaker ทรงโตและ Streetwear ส่วนใน Premier League ก็ได้ทำชุดแข่งให้ 4 สโมสร คือ Bournemouth, Burnley, Everton และ Westham มากเป็นอันดับ 2 รองจาก Nike
มาปีนี้ (2023) Umbro ที่คอบอลทั่วโลกคุ้นตาจากโลโก้ทรงข้าวหลามตัด ได้ขึ้นมาเป็นแบรนด์แชมป์ชุดแข่ง Premier League มี 5 สโมสรสวมชุดของแบรนด์ลงแข่ง ตลอดฤดูกาล 2023-24 แซงหน้าแบรนด์ดังกว่าอย่าง Adidas และ Nike ที่ได้ไปแบรนด์ละ 4 สโมสร
Adidas ทำชุดแข่งใน 4 สโมสรคือ Arsenal, Fulham, Manchester United และ Nottingham Forrest ส่วน Nike ก็ได้ 4 สโมสรเท่ากันคือ Brighton, Chelsea Liverpool และ Tottenham Hotspurs
แม้นี่เป็นผลส้มหล่นจากขาขึ้นของสโมสรที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมา แต่ Umbro ก็ติด Top 3 มาในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา และทำให้ได้โปรโมตแบรนด์บนลีกสูงสุดของอังกฤษมากขึ้น
ขณะเดียวกันหากมองในภาพรวมแล้วมันคือการยืนระยะมาได้อย่างยาวนาน จนใกล้ครบ 100 ปี และยังถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวอังกฤษอีกด้วย/espn, wikipedia, umbro, theguardian
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ