เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนนั่งสัมภาษณ์โดยถูกแหล่งข่าวนั่งพิจารณาใบหน้าไปด้วย คุณหมอท่านคงคิดว่าผู้หญิงที่นั่งตรงหน้าควรจะทำอะไรบ้างเพื่อให้ดูดีกว่านี้
เพราะบุคคลที่ก้าวมาในคอลัมน์ “The People” ในวันนี้คือ นพ. สุรสิทธิ์ อัศดามงคล ประธานกรรมการบริหาร รพ. บางมด แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ. บางมด
จากเจ้าของคลินิกเล็ก ๆ กลายมาเป็นโรงพยาบาลบางมด โรงพยาบาลทั่วไป ที่มีศูนย์ศัลยกรรมความงามเป็นจุดขายหนึ่งที่สำคัญ
วันนี้กำลังเตรียมเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรมแบบครบวงจร “Bangmod Aesthetic & Wellness Hospital” เพื่อรองรับตลาดความสวยสั่งได้ ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกวัน
“30 กว่าปีมานี้มีผู้หญิงสวยด้วยมือผมเนี่ยกว่าแสนคนนะครับ” นพ. สุรสิทธิ์เอ่ยอย่างอารมณ์ดีกับ Marketeer
วันนี้คุณหมออายุ 67 ปีแล้ว จะลงมือทำศัลยกรรมเองเฉพาะเคสใหญ่ ๆ ที่มีปัญหา หรือเคสยาก ๆ เช่น ทำหน้าอก ดึงหน้า เท่านั้น
เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลบางมดมีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ภายใต้การดูแลของ นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล ลูกชายคนโต ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง เป็นผู้เข้ามาช่วยรับผิดชอบ
และมี นพ. เทวเดช อัศดามงคล ลูกชายคนเล็ก เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
“ไม่ง่ายเลยครับ กว่าเราจะมาถึงวันนี้ มันเริ่มต้นจากการที่ผมมีความสุขทุกครั้งที่ทำให้คนสวยขึ้น ดูดีขึ้น ด้วยมือของผม”
คุณหมอเล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า เป็นคนกรุงเทพ จบมัธยมปลายจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล (พ.ศ. 2516) จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ (ศิริราช) (พ.ศ. 2523)
หลังจากนั้นได้ไปทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาลจักรราช อำเภอจักรราช จังหวัดนครราชสีมา การได้ไปอยู่ในโรงพยาบาลในต่างจังหวัดที่หมอมีน้อย เครื่องไม้เครื่องมือไม่ครบ บางครั้งหมอคนเดียวก็ต้องช่วยทำหลายหน้าที่ รวมทั้งการช่วยเหลือด้านการผ่าตัด ซึ่งจะเป็นเคสที่คุณหมอมีความสนใจมาก
ต่อมาก็กลับเข้ามาเป็นหมอที่โรงพยาบาลตากสิน และไปเปิดคลินิกเล็ก ๆ บนถนนพระราม 2 ย่านบางมด ก่อนจะขยายมาเป็นบางมดโพลีคลินิก ในปี 2526
“ถนนพระราม 2 ในช่วงเวลานั้นขึ้นชื่อมากว่าเป็นถนนสายอุบัติเหตุ เพราะการขับรถที่เร็วกันมากจึงได้ทำเคสอุบัติเหตุเยอะมาก เลยคิดว่าควรไปเรียนต่อเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อที่จะได้ช่วยคนไข้ให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
พร้อม ๆ กับขยายจากโพลีคลินิกมาเป็นโรงพยาบาลบางมดในปี 2527 และใช้เวลาไปเรียนต่อศึกษาเพิ่มเติมทางด้าน Certificate plastic & cosmetic surgery ที่เมือง Osaka ประเทศญี่ปุ่น Member of plastic & reconstruction surgery ประเทศสหรัฐอเมริกา
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คุณหมอหันมาสนใจในเรื่อง cosmetic surgery อย่างจริงจัง นอกจากการทำศัลยกรรมตกแต่งทั่วไปเพราะเห็นลูกค้าบางรายที่ไม่ได้มีปัญหาจากเกิดอุบัติเหตุ แต่เกิดจากความทุกข์จากรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปช่วยทำศัลยกรรมความงามให้ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปมีความสุขมากขึ้น
คุณหมอได้เรื่องเบสิกจากอเมริกาและพัฒนาความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงหน้าของคนเอเชียจากประเทศญี่ปุ่น
“ที่อเมริกาพื้นฐานค่อนข้างแน่นมาก แต่โครงหน้าของคนเอเชียกับอเมริกาจะต่างกันมาก อย่างจมูกเขามีแต่ทำจากสูงให้เตี้ยลง แต่ของเราต้องเสริมจากเตี้ยให้ดูโด่งขึ้น หน้าอกเขาต้องการทำให้เล็กลง แต่ของเราต้องทำให้ใหญ่ขึ้น จะตรงข้ามกันหมด ผมเลยพยายามหาสถาบันในเอเชียที่มีชื่อเสียง และได้ไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นอีก 2 ปี”
กลับมาเมืองไทย ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับการทำศัลยกรรมความงามเริ่มเป็นที่รู้จักและยอมรับกันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับแพร่หลายเท่าใดนัก หลายคนยังต้องแอบ ๆ ทำแล้วไม่กล้าบอกใคร ประกอบกับแพทยสภาเข้มงวดในเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างมาก
ทุกอย่างจึงค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปและรอเวลา
จุดเปลี่ยนอีกเรื่องหนึ่งของโรงพยาบาลแห่งนี้ที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นคือการที่ดาราเริ่มเข้ามาใช้บริการ
ดาราแต่ละคนที่คุณหมอพูดถึงเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทยในยุคหนึ่ง ที่นิยมมาทำ ตา จมูก หน้าอก พอทำแล้วสวย ทำแล้วดังกลายเป็นปากต่อปาก
word of mouth ที่พูดถึงผลงานของคุณหมอ น่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำตลาดของโรงพยาบาลบางมดในช่วงนั้น
ปัจจุบันจากพฤติกรรมผู้บริโภคและค่านิยมสังคมที่เปิดกว้างต่อการทำศัลยกรรมมากขึ้น ทำให้ตลาดศัลยกรรมและเสริมความงามในประเทศไทยแข่งขันกันอย่างรุนแรง มีคลินิกศัลยกรรมด้านความงามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากมาย
โรงพยาบาลบางมดเองก็จำเป็นต้องเร่ง Speed ในการตอกย้ำชื่อเสียงในเรื่องนี้ โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับ A+ จนถึงระดับ B
word of mouth ที่บอกต่อกันแบบเดิมไม่เพียงพอแล้ว
เปลี่ยนมาบอกต่อกันบนออนไลน์ด้วย
สำหรับแผนการทำตลาดยุคใหม่ของโรงพยาบาลบางมด คุณหมอสุรสิทธิ์บอกว่า ได้ส่งต่อบทบาทในเรื่องนี้ให้กับคนรุ่นใหม่คือ ลูกชายคนโต นายแพทย์ ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ที่ได้นำแผนการตลาดแบบปากต่อปากปรับให้เข้ากับยุคสมัยผ่านทางสื่อออนไลน์
โดยในส่วนของออนไลน์ทำการตลาดทั้งในรูปแบบ Search Engine Optimization (SEO) และ Social Media Marketing (SMM) เน้นจับเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
และทำการตลาดผ่านช่องทาง Facebook, Instagram และ YouTube โดยได้นำประสบการณ์และความประทับใจจากปากผู้ใช้บริการจริง มาถ่ายทอดว่าการทำศัลยกรรมที่นี่ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นกับชีวิตคนไข้อย่างไร
“การนำประสบการณ์จริงจากปากผู้ใช้บริการจริงมาเผยแพร่ต่อ ผมคิดว่าคนที่รับสารก็จะได้รับทราบถึงความ Real และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น”
อะไรคือปัญหาและความท้าทายในการทำธุรกิจศัลยกรรมความงาม
คุณหมอบอกว่า มือหมอที่มีความชำนาญจากประสบการณ์ที่สะสมมาหลายปี กับเครื่องไม้เครื่องมือและวัสดุต่าง ๆ ที่นำมาใช้ ซึ่งมีความทันสมัยขึ้นทำให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น
แต่อุปสรรคสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกคนไข้ให้ดี เพราะคนไข้ที่เข้ามาทำศัลยกรรมความงามนั้นจะมีหลายประเภท สำหรับคนที่เข้ามาเพราะอยากให้บุคลิกดีขึ้น หน้าตาดีขึ้น ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีปัญหา
แต่มีบางกลุ่มที่ความต้องการไม่พอ สวยแล้วต้องการสวยอีก ทำออกมาดีแค่ไหนก็ไม่พอใจ กลุ่มนี้จะมีปัญหา
“เรื่องนี้ต้องอาศัยประสบการณ์มาช่วยในการตัดสินใจที่จะรับเขาเป็นลูกค้าหรือไม่ ซึ่งสามารถดูออกได้ตั้งแต่วิธีการพูดคุยต่าง ๆ”
คุณหมอย้ำว่า การรู้จักคัดเลือกคนไข้ตั้งแต่ขั้นตอนการพูดคุยสำคัญมาก ๆ
จำนวนคนไข้ที่มากมายตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ทำมา คือประสบการณ์สำคัญที่ต้องส่งต่อไปให้ทีมงาน
และด้วยความมั่นใจว่า ทุกคนอยากดูดี ตลาดความสวยสั่งได้ต้องโตขึ้นแน่นอน รวมทั้งการกลับมาของกลุ่ม Medical Tourism เช่น จีน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) คือที่มาของจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิตอีกครั้ง
ด้วยการประกาศสร้าง รพ. ศัลยกรรมครบวงจรแห่งใหม่ Bangmod Aesthetic & Wellness Hospital ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับพื้นที่เดิมของโรงพยาบาลบางมด คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568
หลังจากนั้นก็จะเตรียมเดินทางก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
สุดท้ายก่อนจะลาจากกัน คุณหมอสุรสิทธิ์เริ่มให้คำปรึกษา (ฟรี) กับ Marketeer ประมาณว่านี่นะถ้าเป็นลูกค้าผมจะดึงตรงนี้นิด จะทำตรงนั้นหน่อย รับรองสวยเลย
แต่พอ Marketeer ถามกลับว่า
“อายุ 67 ปีแล้ว คุณหมอยังดูดีมากเลย ขออนุญาตถามทำหน้าตรงไหนมาบ้างคะ”
คุณหมอยิ้มกว้าง ตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ไม่ได้ทำ ผมทำหน้าให้ตัวเองไม่ได้ ทำไม่ถนัด (หัวเราะ)”
พร้อมทั้งย้ำว่า “ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คิดในสิ่งดี ๆ ก็จะทำให้เราดูดีได้เหมือนกันครับ”
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ