Popcorn Major รีแบรนด์วางเเผงเซเว่น ลุยตลาดสเเน็ก 4.4 หมื่นล้าน หวังขายป๊อปคอร์นเทียบเท่าตั๋วหนัง

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รีเเบรนด์ป๊อปคอร์นใหม่ “Popcorn Major” ลุยตลาดขนมขบเคี้ยวสี่หมื่นล้าน วางขายรีเทล คาดหวังรายได้ธุรกิจป๊อปคอร์นเทียบเท่าขายตั๋วหนัง มั่นใจมาร์เก็ตเเชร์ออกมาดี

ธุรกิจโรงภาพยนตร์ไม่ได้มีสินค้าแค่เพียงคอนเทนต์ภาพยนตร์เท่านั้น  เเต่ป๊อปคอร์นก็เป็นหนึ่งในสินค้าแพ็กคู่ ที่ผู้ชมภาพยนตร์จะต้องซื้อก่อนเดินเข้าโรง กลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญชิ้นหนึ่งของธุรกิจโรงภาพยนตร์

ช่วงโควิด-19 ที่ธุรกิจโรงหนังต้องปิดให้บริการ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ยังต้องดิ้นรนไม่ต่างกัน หารายได้ด้วยการจำหน่ายป๊อปคอร์นผ่านช่องทางเดลิเวอรีและอีคอมเมิร์ซ กลับกลายเป็นว่าป๊อปคอร์นสามารถทำรายได้ให้เมเจอร์หลักล้านบาทต่อวัน

วิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า เมื่อเปรียบเทียบปี 2019 กับปัจจุบัน รายได้จากกลุ่มภาพยนตร์ฟื้นกลับมาได้ 80% ขณะที่ป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มฟื้นตัวได้เต็ม 100% แล้ว เพราะผู้บริโภคไม่ได้รับประทานป๊อปคอร์นเพียงเเค่ในโรงภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว ยิ่งกับป๊อปคอร์นที่รสชาติดี ผู้คนก็มักจะซื้อรับประทานในทุกโอกาสเพื่อเพิ่มอรรถรสในช่วงเวลาของตน

ตลาดสเเน็กใหญ่กว่าตลาดภาพยนตร์

ตลาดป๊อปคอร์นเป็นส่วนเล็ก ๆ ในเค้กชิ้นใหญ่อย่างสเเน็ก ที่มีมูลค่าราว 44,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มของป๊อปคอร์นราว 400-500 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของตลาดทั้งหมด และไม่มีการเติบโตมากนัก โดยเฉพาะในตลาดรีเทลที่ไม่ค่อยหวือหวา เพราะมีผู้เล่นหลักอยู่เพียงเจ้าเดียว และไม่ค่อยทำการตลาดให้ได้เห็นนัก ตลาดป๊อปคอร์นจึงนับว่าค่อนข้างนิ่ง

ในตลาดสเเน็ก แบ่งเป็นกลุ่มมันฝรั่ง 40% ของตลาดสเเน็กทั้งหมด ตามด้วยขนมขึ้นรูป 30% ผลิตภัณฑ์ถั่วเมล็ดพืช 10% และอื่น ๆ 20%

“ตลาดสเเน็กใหญ่กว่าตลาดภาพยนตร์ ถ้าป๊อบคอร์นเติบโตได้ดีเมเจอร์อาจไม่ต้องพึ่งรายได้จากฝั่งภาพยนตร์ เพราะตลาดขนมรับประทานเล่นสร้างรายได้ให้สม่ำเสมอ และอาจจะเเซงรายได้การจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ในวันข้างหน้า” วิศรุต กล่าว

รีแบรนด์ ป๊อปสตาร์ สู่ Popcorn Major

ดึงตัวเองออกจากป๊อปคอร์นโรงหนัง ด้วยการใช้เเบรนด์ “ป๊อปสตาร์” ทดลองตลาดมาก่อน โดยจำหน่ายในราคา 35 บาท เเต่รสชาติและความกรอบอาจยังไม่นับว่าเทียบเท่าป๊อปคอร์นที่ขายในโรงได้ อีกทั้งชื่อป๊อปสตาร์ยังไม่ชัดเจนในฐานะแบรนด์ของเมเจอร์ การรีเเบรนด์สู่ “Popcorn Major” ใช้เมเจอร์ชื่อแบรนด์ที่เเข็งแกร่งเข้ามาเเทนที่ เพื่อให้คนเข้าใจได้ทันที

เเม้เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ เเต่เมเจอร์มาพร้อมสินค้าที่ยังไม่มีเจ้าอื่นลงเล่น และเป็นสิ่งที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นทุนเดิม อาจช่วยดันขึ้นเป็น Top of mind brand ได้ในเวลารวดเร็ว เนื่องจากป๊อปคอร์นเมเจอร์เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าอยู่เเล้ว

บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสัดส่วนรายได้หลักมาจาก

1. รายได้จากการขายตั๋ว 50%

2. รายได้จากการขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม 28% ปีที่ผ่านมารายได้จากกลุ่มนี้คิดเป็น 2,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 80% มาจากป๊อปคอร์นเป็นหลัก

นอกเหนือจากนั้นเป็นรายได้จากค่าโฆษณา กิจกรรม และรายได้จากสื่อภาพยนตร์

ทั้งนี้ การที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ถือหุ้นในบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ในสัดส่วน 11% การผลิตป๊อปคอร์นเมเจอร์ครั้งนี้ยังได้ใช้โรงงานผลิตเดียวกันกับเถ้าเเก่น้อย ถือเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี เนื่องจากเถ้าเเก่น้อยเคยมีประสบการณ์ผลิตป๊อปคอร์นมาก่อนหน้าด้วย มีโนว์ฮาวที่สนับสนุนซึ่งกันและกันได้ดี

สินค้าใหม่ประกอบด้วย 3 รสชาติขายดี ที่เป็นรสยอดนิยมที่คนสั่งซื้อมากที่สุด ได้แก่ รสชีส รสคลาสสิก รสข้าวโพดปิ้ง ปริมาณ 35 กรัม ราคา 28 บาท ใช้เมล็ดป๊อปคอร์นนำเข้าจากอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเมล็ดข้าวโพดคุณภาพ ทำให้สินค้าใหม่นี้จะมีรสชาติใกล้เคียงกับป๊อปคอร์นในโรงหนังทั้งรสชาติเเละความกรอบ

เลือกวงป๊อปร็อกรุ่นใหม่ “Three Man Down” ที่มีคาเเรกเตอร์สนุกสนาน สดใส ตรงคอนเซ็ปต์ “POP ทะลุมิติ ทะลุความสนุก ให้ทุกที่มีแต่ความป๊อป” ตัวเเทนของ New Generation มาถ่ายทอดสีสัน เจาะกลุ่มลูกค้า Gen Z อายุ 10-25 ปี

ลุยสนามเดือดเลย เวิร์กไม่เวิร์กรู้กันเลย

“การเลือกลุยในรีเทลที่เป็นสมรฦูมิเดือด การเเข่งขันสูง แม้เป็นครั้งเเรกของเมเจอร์ในตลาดสเเน็ก และไม่เคยลุยตลาดนอกโรงหนังมาก่อน เวิร์กไม่เวิร์ก จะได้รู้ผลทันที  เเต่จากข้อมูลยอดขายป๊อปคอร์นบนเดลิเวอรี เมเจอร์มีส่วนแบ่งที่เป็นผู้นำในตลาดสเเน็กกลุ่มป๊อปคอร์น ประกอบกับผู้เล่นยังมีน้อยมาก จึงมั่นใจในการลุยตลาดรีเทลครั้งนี้”

Popcorn Major จะวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา  ปีหน้าสินค้าเข้าจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด อาทิ โลตัส, บิ๊กซี, วิลล่า มาร์เก็ต, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, โฮม เฟรช มาร์ท, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์ มาร์เก็ต ซึ่งอาจต้องปรับขนาดของสินค้าให้ใหญ่ขึ้น คุ้มค่า ตรงกับกลุ่มลูกค้าช่องทางนี้

สำหรับปีนี้ ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มรวม 2,400 ล้านบาท  30% ของรายได้มาจากการขายป๊อปคอร์นนอกโรงภาพยนตร์ ตั้งเป้ายอดขายสามเดือนแรก 4 แสนถุงต่อเดือน เหนือสิ่งอื่นใด คือ การขยายฐานลูกค้าออกสู่นอกกลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ และสร้างการรับรู้เเบรนด์ไปในวงกว้าง

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online