สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงาน และการขับเคลื่อนองค์กร คือ “พนักงาน หรือคน” เพราะต่อให้องค์กรมีนโยบาย กลยุทธ์ที่ดีในการทำงาน หาก “ผู้บริหาร หรือหัวหน้างาน” ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้แก่พนักงานในองค์กรได้ ความสำเร็จ การเดินไปถึงเป้าหมายขององค์กรที่วางไว้คงเป็นเรื่องยาก

สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้เตรียมความพร้อมเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับความเป็นเลิศด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกคน สร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ ให้โอกาสทุกคนได้แสดงความคิดเห็น นำเสนอมุมมองผลงานของตัวเอง โดยที่หัวหน้างาน ผู้บริหารเป็นผู้สนับสนุน อีกทั้งยังมุ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการเติบโตที่ดีและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกภาคส่วน (Well-growing platform) ที่พร้อมรับมือต่อทุกการเปลี่ยนแปลงสำหรับอนาคต (Future ready organization)

นางอัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เล่าว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ เรื่อง  สยามพิวรรธน์  ซึ่งเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมทันสมัย ด้วยความเป็นเลิศในการบริหารจัดการในวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีก เพื่อจุดหมายปลายทางระดับโลก ได้มีการปรับโครงสร้างขององค์กร เพื่อรับมือกับทุกวิกฤต โดยทำให้องค์กรมีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และรองรับการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญมีการปรับ Mindset (กรอบความคิด) Skillset (ทักษะ) และเตรียมพร้อมเรื่อง Digital Capability (ความสามารถด้านดิจิทัล) เพื่อมุ่งสู่การทำให้สยามพิวรรธน์ที่ใช้ Data เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ Middle Management เข้ามาบริหารจัดการโครงการสำคัญ ๆ ของบริษัท เพื่อเตรียมเป็น Next Generation Leaders ขององค์กรในอนาคต

“สยามพิวรรธน์ ให้ความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร  หัวหน้างาน ไปจนถึงพนักงานทุกคน เช่น ออกแบบเส้นทางการเติบโตของพนักงานกลุ่มที่มีศักยภาพสูง มีการพัฒนาองค์กร เน้นการจัดกลุ่มการจัดการกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งพนักงานจะรู้ทิศทางขององค์กร ขณะเดียวกันก็ได้รับการเติมเต็มทักษะ และได้นำเสนอความคิดเห็น โปรเจคที่พนักงานต้องการ อีกทั้ง การบริหารบุคคล ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของ HR เท่านั้น แต่ผู้บริหาร หัวหน้างานในบริษัทต้องช่วยกันดูแลพนักงานของตนเอง HR จะทำหน้าที่สนับสนุน” นางอัมพร กล่าว

บริษัทต้องเตรียมความพร้อมกับการขยายธุรกิจในอนาคต สยามพิวรรธน์มีพนักงานกลุ่มเจเนอเรชั่น Y และ เจเนอเรชั่น Z จำนวน 67% ของพนักงานทั้งหมดกว่า 2,500 คน โดยในเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีพนักงานเจน Z เพิ่มขึ้นประมาณ 6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามแนวทางกลยุทธ์องค์กรที่ต้องการสร้างทีมที่มีศักยภาพ

สยามพิวรรธน์มีพนักงานหลากหลาย ทั้งเรื่องของเจเนอเรชั่น เพศ ความคิด ประสบการณ์การทำงาน ซึ่งเจเนอเรชั่นใหม่ ๆ จะเป็นกลุ่มที่มีความมั่นใจค่อนข้างสูง ต้องการเห็นความสำเร็จค่อนข้างเร็ว ฉะนั้น การบริหารจัดการคนจะแตกต่างกัน ตั้งแต่การสัมภาษณ์ คนรุ่นใหม่อยากเห็นอะไรจากองค์กร และเป้าหมายขององค์กรต่อไปคืออะไร เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องมาอบรม พัฒนา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกระบวนการหรือเส้นทางการเดินทางของ HR แต่ไม่ว่าจะเจเนอเรชั่นไหน การดูแลพนักงานต้องเหมือนกัน เพียงแต่รูปแบบการพัฒนาอาจแตกต่างกันตามลักษณะของงาน

“พนักงานทุกคนจะได้รับโอกาสที่ดีในการทำงานร่วมกับผู้บริหาร เสนอความคิดเห็น แสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และสามารถเข้าถึงผู้บริหารได้ง่าย โดยมีลักษณะการทำงานแบบ SCRUM จะเอาโจทย์ธุรกิจเป็นตัวตั้ง และสมาชิกของ SCRUM จะคัดสรรพนักงานศักยภาพสูง มารวมตัวกัน เน้นการทำงานร่วมกัน ให้มีส่วนผสมความคิด วิธีการทำงาน เพื่อให้ได้นวัตกรรมใหม่ ๆ ขณะที่การให้อำนาจ และหน้าที่การตัดสินใจแก่พนักงานนั้น หากมีการติดขัดสามารถปรึกษากับผู้บริหาร หรือหัวหน้าทีมได้ แต่ทั้งนี้หัวหน้าทีมและผู้บริหารจะไม่ได้ตัดสินพนักงาน” นางอัมพร กล่าว

สยามพิวรรธน์ยังเล็งเห็นถึงความต้องการของพนักงานรุ่นใหม่ที่ชอบความอิสระในการทำงาน และสามารถเข้าถึงหัวหน้างาน หรือผู้บริหารได้ง่าย องค์กรได้ปรับพื้นที่ให้มี Co-working Space มากขึ้น พนักงานสามารถไปทำงานที่ไหนในออฟฟิศ หรือศูนย์การค้าได้ เข้างานได้ตามเวลาอิสระ นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ สภาพแวดล้อม เพื่อคนทำงาน ห้องต่าง ๆ จะออกแบบเป็นกระจก แสดงให้เห็นถึง Transparency หรือความโปร่งใสในการทำงาน  เก้าอี้พนักงานมีสีสันหลากหลาย เพื่อแสดงถึง Diversity ออฟฟิศแต่ละจุดจะดีไซน์ไม่เหมือนกัน แสดงให้เห็นถึงความหลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นมีสวัสดิการ แคมเปญพิเศษในร้านค้าต่าง ๆ การออกกำลังกาย มีประกันกลุ่มในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ พนักงานสามารถพบจิตแพทย์ทางออนไลน์ มีพื้นที่ดูแลจิตใจ เป็นต้น

นายณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เล่าเสริมว่า ค่านิยมของสยามพิวรรธน์ จะเริ่มต้นการทำงานบนพื้นฐานของความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่น กล้าคิดใหม่ กล้าทำใหม่ และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการขยายตัวธุรกิจขององค์กรในอนาคต โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์  4 ด้าน ได้แก่

  1. Future Workforceเตรียมความพร้อมตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน หรือ talent เข้ามาร่วมงาน โดยคัดสรรจาก candidate ที่มีความชำนาญใหม่ ๆ และหลากหลาย บริษัทได้พัฒนาและเปิดตัว ONESIAM SuperApp เรือธงในการทำธุรกิจแบบออมนิชาแนล ทำให้มีกลุ่มพนักงานสายดิจิทัลและดาต้า (Data) เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน กลุ่มนี้คิดเป็น 10% ของพนักงานทั้งหมด
  2. Future Workplaceปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้เหมาะกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับความหลายหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของพนักงาน มีการดูแลพนักงานทั้งทางด้าน Physical และ Mental อย่างดี
  3. Future Skillsเตรียมพร้อมพนักงานให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในปัจจุบันที่นอกเหนือจาก Functional Skill โดยสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทั้ง Digital Skill และ Human Skill ให้มีการเทรนนิ่งคอร์สใหม่ ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น จัดการอบรมเรื่อง Chat GPT ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำงานของพนักงานทั้งองค์กร โดยล่าสุดได้เซ็น MOU กับ LinkedIn Learning แพลตฟอร์มการเรียนรู้ระดับโลก ซึ่งพนักงานสามารถเลือกเรียนรู้คอร์สออนไลน์ กว่า 21,000 คอร์ส
  4. Future Cultureส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work as One สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างพนักงานในองค์กร การเปิดรับฟังเสียงของพนักงานผ่านแคมเปญ We Care We Dare ส่งเสริมให้ผู้บริหารระดับสูง engage กับพนักงานมากยิ่งขึ้น โดยการรับฟังข้อเสนอแนะจากพนักงานโดยตรงผ่านกิจกรรมต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ในปี  2024 จะเป็นปีแห่งการวางรากฐาน และเตรียมความพร้อมขององค์กรในการขยายธุรกิจทั้ง Local และ Global โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาระดับความสามารถของพนักงานในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับพนักงาน ออกแบบเส้นทางการเติบโตของพนักงานศักยภาพสูงให้เชื่อมโยงกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งเพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างไร้ขีดจำกัด

ความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์ในการเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ด้วยการสร้างความเติบโตขององค์กรและพนักงาน อยากให้ทุกคนที่มาทำงานกับองค์กรอยู่ในบรรยากาศที่ดี ทำงานอย่างมีความสุขและอยู่กับองค์กร สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้สยามพิวรรธน์ได้รับรางวัลมากมาย เฉพาะในปี 2566 นี้ ได้รับรางวัล  HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกันที่สยามพิวรรธน์ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชียจาก HR Asia รางวัล Diversity, Equity & Inclusion Award จากสถาบันเดียวกัน สะท้อนถึงองค์กรที่โดดเด่นในด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วม รวมทั้งได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโกลด์ในสาขา Excellence in HR Communication Strategy และ Excellence in CSR Strategy จาก HR Excellence Awards 2023 และ รางวัลความเป็นเลิศทางธุรกิจระดับสากลจาก Enterprise Asia Linchpin of Asia Awards 2023 อีกด้วย


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer