MG เดินทางมา 100 ปี ถอดรหัสการสร้างแบรนด์ บนวิถียานยนต์ระดับโลก

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.1924 “แบรนด์ MG” ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ ประเทศอังกฤษ และปัจจุบันได้ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับตำนานนับ 100 ปี แล้ว

เบื้องหลังการสร้างแบรนด์ให้เติบโต และแผนการก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างยั่งยืน มีหลากหลายแง่มุมที่น่าสนใจ อะไรทำให้MGนำ “ดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ต” ที่เคยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และกวาดยอดขายหลักแสนคัน กลับมาสื่อสารอีกครั้งในปี 2024…ไปร่วมหาคำตอบพร้อมกัน

รถยนต์สมรรถนะดี ต้องไม่จำกัดแค่ในสนามแข่ง

ที่มาของชื่อ “MG” นั้น ย่อมาจาก “Morris Garage” อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ในเมือง Oxford สหราชอาณาจักร ของ William Morris และ Cecil Kimber ที่ได้สร้างสรรค์ยานยนต์ในแบบฉบับของตน ภายใต้ความเชื่อว่า “รถยนต์สมรรถนะดี ต้องไม่ใช่แค่ในสนามแข่งเท่านั้น แต่ต้องสามารถโลดแล่นบนท้องถนนได้ด้วย” และต่อยอดไปสู่การคิดค้นนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ สู่ตลาดยานยนต์โลกไว้มากมาย ในทุก ๆ 10 ปีเราจะเห็นพัฒนาการของรถได้อย่างชัดเจน

ดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ต” จากอังกฤษสู่แดนมังกร

แม้ปัจจุบันแบรนด์MGจะย้ายถิ่นฐานจากอังกฤษมาสู่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่มาสักระยะ และอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของ “SAIC MOTOR” แต่ “ดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ต” ยังคงมีให้เห็นผ่านรถMGที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานตั้งแต่จากอังกฤษยังมีนำมาปรับใช้ให้เข้ากับเทรนด์ยานยนต์ของโลก ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะการขับขี่ การควบคุม ดีไซน์ และเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป

ความแข็งแกร่งของ “SAIC MOTOR” ผลักดันแบรนด์ MG สู่ระดับโลก

การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์เข้มข้นขึ้นจากการเข้ามาของบริษัท EV สัญชาติจีน เพื่อบุกตลาดทั่วโลก “SAIC MOTOR” บริษัทของรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์รายใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศจีน โดยจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ดังระดับโลกมากกว่า 15 แบรนด์

ความแข็งแกร่งของ SAIC MOTOR” จากสถิติตัวเลขยอดขาย

  • ปี 2023 “SAIC MOTOR” มียอดขายรถยนต์รวม 5.02 ล้านคัน รักษาตำแหน่ง อันดับหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในประเทศจีนต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 (เติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน) และมีปริมาณยอดขายรถยนต์ NEW ENERGY มากกว่า 1.123 ล้านคัน (เติบโต 4.6%)
  • SAIC MOTOR ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศจีน โดยรถยนต์MGที่ส่งออกมากที่สุด ได้แก่
    •  ZS รถที่ส่งออกจากจีนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์นั่ง ยอด 201,874 คัน
    • MG4 ELECTRIC รถยนต์กลุ่มไฟฟ้าที่ส่งออกสูงสุด ประสบความสำเร็จในตลาดทั่วโลก อีกทั้งยังเป็น Global โมเดลขวัญใจคนไทยด้วย ยอดส่งออกมากกว่า 138,736 คัน รองลงมาคือรุ่น MG5 จำนวน 109,431 คัน

    • ทั้ง 3 รุ่น ที่กล่าวมาข้างต้น ZS, 4 ELECTRIC และ MG5 ล้วนเป็นโมเดลที่คนไทยมีโอกาสได้สัมผัส และเป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    • ในปี 2023 เฉพาะแบรนด์MGมียอดขายทะลุ 380,000 คัน ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมด 16 ประเทศ (ยุโรปตะวันตก 13 ประเทศ สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์)

ยิ่งไปกว่านั้น SAIC MOTOR เดินหน้าขยายเครือข่ายและบุกตลาดไปทั่วโลก โดยใช้MGเป็นแบรนด์หัวหอกในการบุกตลาด โดยส่งออกไปยังตลาดหลัก ๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, อินเดีย, ไทย, อินโดนีเซีย และ เวียดนาม เป็นต้น

แบรนด์จีนรายแรกที่กล้าบุกตลาดเมืองไทย
สู่ “Changemaker” ตัวจริงของวงการ

หากติดตามความเคลื่อนไหวของ “อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” เราจะเห็นวิวัฒนาการของรถยนต์ที่ก้าวล้ำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่ “แบรนด์รถยนต์จีน” เริ่มเข้ามาทำตลาด ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่มีนัยสำคัญ กับความกล้าที่จะ “ให้อะไรที่มากกว่า” อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ตลอดจนเรื่องของราคาจำหน่ายที่คุ้มค่า คุ้มราคา ที่MGทำตัวเลขยอดขายก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ปัจจุบันมีรถยนต์MGโลดแล่นอยู่บนท้องถนนกว่า 200,000 คันแล้ว

แบรนด์จะยั่งยืนต้องปรับตัวตามเทรนด์ตลาดได้ทันท่วงที

ในวันที่กระแสรถ EV เติบโตในทั่วโลก MGเป็นแบรนด์จีนแบรนด์แรกที่เข้ามาบุกเบิกลุยทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง ซึ่งข้อดีของการเป็นผู้พี่ที่เข้ามาทำตลาดก่อนย่อมทำให้MGคุ้นเคยกับตลาดเมืองไทยมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ

ที่สำคัญคือการ “นำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงง่าย และตอบโจทย์ผู้คนให้ได้มากที่สุด” ในวันที่เทรนด์รถไฟฟ้าแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ MG มีรถไฟฟ้าจำหน่ายมากถึง 5 รุ่น ได้แก่ ZS EV, EP, 4 ELECTRIC,  ES และ MAXUS 9 รุ่นเริ่มต้นอย่างMG EP ราคาเริ่มต้นเพียง 7 แสนบาท ไปจนถึงหลักล้านอย่างMG MAXUS 9 เพื่อเจาะกลุ่มตลาดพรีเมียม

MGมีการเปรยถึงรถยนต์รุ่นใหม่ ที่เตรียมนำเข้ามาทำตลาดในปีนี้ หนึ่งในนั้นจะเป็นรถเก๋งเล็กกลุ่มพลังงานทางเลือกจะเป็นรุ่นอะไรคงต้องติดตาม และจากการประกาศตั้งเป้าครองอันดับ Top 3 ให้สำเร็จภายในทศวรรษที่ 2 ของMGในประเทศไทย เชื่อว่ารถรุ่นใหม่ที่MGเตรียมปล่อยลงสู่ตลาดจะมุ่งเน้นไปทางรถไฟฟ้า และกลุ่มพลังงานทางเลือกแน่นอน คนไทยจะมีทางเลือกใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

การวางรากฐานของแบรนด์ส่งผลต่อการเติบโตแบบยั่งยืนในทั่วโลก

ในประเทศไทย MGเป็นแบรนด์ที่มีโครงสร้าง EV Ecosystem ที่ถือว่าสมบูรณ์เลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็น “แบรนด์จีนที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการมากที่สุด” กระจายตัวครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 150 แห่ง โดยไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ตามเฉพาะหัวเมืองเท่านั้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ดีในทุกพื้นที่ และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่าน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสถานีชาร์จเร็ว “MG SUPER CHARGE” ที่พร้อมให้บริการมากถึง 146 สถานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ใช้รถ EV เตรียมผุด EV โชว์รูมเพื่อยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า

ล่าสุดMGประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถไฟฟ้าของเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งยังปักหมุดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่น ๆ นั่นแปลว่า นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะถูกส่งมาที่ฐานการผลิตที่ไทย อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยย่อมมีโอกาสทัดเทียมระดับโลกมากขึ้น โดยMG4 ELECTRIC จะเป็นรถไฟฟ้าMGรุ่นแรกที่ผลิตในเมืองไทย  

การเดินทางมาเป็นระยะเวลา 100 ปี ของแบรนด์ระดับตำนาน มักจะสร้างสิ่งใหม่ให้กับโลกเสมอ นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไม คนไทยจึงมีโอกาสได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน และมีโอกาสได้เป็นเจ้าของยานยนต์ที่คุ้มค่า ที่เป็น GLOBAL โมเดลทัดเทียมนานาประเทศอย่างเท่าเทียม โดยไม่ถูกตัดหรือลดทอนลงดังเช่นMG4 ELECTRIC ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน

ในโอกาส 100 ปี MGเปิดเผยถึงแผนที่จะนำMG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจด้านดีไซน์จาก MGB ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์คลาสสิก แต่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ เข้ามายกระดับตลาดอีวีเมืองไทยด้วย ซึ่งได้เปิดให้ลูกค้าคนไทยได้ Pre-Booking เป็นที่เรียบร้อย แต่จะมาเมื่อไหร่คงต้องติดตามกันต่อไป ในวันที่โมเดลนี้โลดแล่นบนท้องถนนคงจะดูดีไม่น้อย

สรุป

การขับเคลื่อนแบรนด์จากปฐมบทสู่ปัจจุบันเป็นเวลาถึง 100 ปี สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าแม้MGจะย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดที่อังกฤษ สู่การเป็นแบรนด์จีนประเทศผู้นำอีวีของโลก การพัฒนารถยนต์ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องและสร้างแบรนด์ให้เป็น “แบรนด์ที่ทรงพลังในระดับโลก” (Global Brand) ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลาย เท่าทันเทรนด์ระดับโลก ทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืน และแน่นอนว่าประเทศไทยย่อมได้รับนวัตกรรมเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

เชื่อว่าในวาระครบรอบ 100 ปีในครั้งนี้ แบรนด์MGจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์คนไทย รอติดตามกันได้เลย

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer