สัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของไมโครซอฟท์ ผู้พลิกฟื้นไมโครซอฟท์กลับมาเยือนไทยอีกครั้ง เพื่อเข้าร่วมงาน Microsoft Build: AI Day วันที่ 21 มีนาคม 2567 พบปะกับชุมชนนักพัฒนาและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม และโอกาสใหม่ ๆ จากเทคโนโลยี AI

พร้อมกับการสานต่อความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับรัฐบาลไทย

การสานต่อความร่วมมือนี้คาดการณ์ว่าเป็นการสานต่อแนวทางจากสัญญา MOU ที่ไมโครซอฟท์กับรัฐบาลไทยเซ็นร่วมกันในปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับประเทศไทยให้มุ่งสู่ก้าวต่อไปกับนวัตกรรมดิจิทัลและ AI ด้วยการนำคลาวด์ ดาต้า และ AI ของไมโครซอฟท์มาช่วยส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ การสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการจ้างงาน ยกระดับชีวิต และอื่น ๆ ที่จะปูทางให้ประเทศไทยสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในด้านดิจิทัลและความยั่งยืน

โดยในเฟสแรกของความร่วมมือนี้เป็นการเตรียมจัดตั้ง AI Center of Excellence ยกระดับโครงการเทคโนโลยี AI ของภาครัฐผ่านโรดแมปที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ได้จริง การรีสกิลด้านดิจิทัลของคนไทย 10 ล้านคน และการรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์

สำหรับการมาไทยของสัตยาในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 8 ปี หลังจากที่มาเยือนประเทศไทยครั้งแรกในงาน Thailand Developer Day ปี 2559 ซึ่งในครั้งนั้นสัตยาเข้ารับตำแหน่งซีอีโอไมโครซอฟท์ได้เพียง 2 ปี

ในงาน Thailand Developer Day ปี 2559 สัตยา ได้ให้ความสำคัญกับ Mobile-first และ cloud-first world ที่นักพัฒนาได้กลายมาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลสู่องค์กรเพื่อพลิกโอกาสทางธุรกิจ

อย่างไรก็ดี สัตยา ถือเป็นซีอีโอคนที่ 3 ของไมโครซอฟท์

หลังจากที่ไมโครซอฟท์มีซีอีโอ บิลล์ เกตส์ และ สตีฟ บัลเมอร์

การรับตำแหน่งซีอีโอของสัตยาเมื่อปี 2559 เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นไมโครซอฟท์ครั้งใหม่ ด้วยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต

รวมถึงการให้ความสำคัญกับคลาวด์ และการปรับโมเดลธุรกิจไปสู่โมเดล Subscription มากขึ้น เช่น การนำ Office 365 ให้บริการแบบ Subscription เป็นต้น การจับมือร่วมกับพาร์ตเนอร์ข้ามแพลตฟอร์มในรูปแบบต่างๆ

ส่วนปัจจุบันสัตยาวางทิศทางไมโครซอฟท์เดินหน้าสู่ AI อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนา AI เข้าไปเสริมในเทคโนโลยีต่างๆ ที่ให้บริการของไมโครซอฟท์ ที่ช่วยยกระดับการทำงานให้ด้านต่าง ๆ ได้

สำหรับรายได้ไมโครซอฟท์ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีปฏิทินไมโครซอฟท์เริ่ม กรกฎาคม – มิถุนายนของอีกปี

 

 

ปี 2564 รายได้ 168,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  กำไร  61,271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (รายได้ประมาณ 5.98 ล้านล้านบาท กำไร 2.18 ล้านล้านบาท

เป็นรายได้ที่มาจาก

สินค้า 71,074 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.53 ล้านล้านบาท)

บริการและอื่นๆ 97,014 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.45 ล้านล้านบาท)

 

ปี 2565 รายได้ 198,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  กำไร 72,738 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  (รายได้ประมาณ 7.05 ล้านล้านบาท กำไร 2.59 ล้านล้านบาท

 

เป็นรายได้ที่มาจาก

สินค้า 72,732 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.59 ล้านล้านบาท)

บริการและอื่นๆ 125,538 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.46 ล้านล้านบาท)

 

ปี 2566 รายได้ 211,915 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  กำไร 72,361 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  (รายได้ประมาณ 7.54 ล้านล้านบาท กำไร 2.57ล้านล้านบาท

 

เป็นรายได้ที่มาจาก

สินค้า 64,699 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.30 ล้านล้านบาท)

บริการและอื่นๆ 147,216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.24 ล้านล้านบาท)

 

กรกฎาคม – ธันวาคม 2567 รายได้ 118,537 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  กำไร 44,161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  (รายได้ประมาณ 4.22 ล้านล้านบาท กำไร 1.57 ล้านล้านบาท

 

เป็นรายได้ที่มาจาก

สินค้า 34,476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.23ล้านล้านบาท)

บริการและอื่นๆ 84,061 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.99 ล้านล้านบาท)

 

ส่วนไมโครซอฟท์ประเทศไทย มีผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี ดังนี้

2564    รายได้รวม 1,016.86 ล้านบาท กำไร 68.92 ล้านบาท

2565    รายได้รวม 1,220.47 ล้านบาท กำไร 92.20 ล้านบาท

2566    รายได้รวม 1,375.16 ล้านบาท กำไร 125.55 ล้านบาท

 

 

และการมาไทยของสัตยาครั้งนี้โอกาสใหม่ ๆ ของ AI จะเป็นอย่างไร Marketeer จะรายงานให้ทราบต่อไป


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer