Trend/หลังโอลิมปิกปี 2020 ในญี่ปุ่นต้องเลื่อนไปจัดในปี 2021 ท่ามกลางความทุลักทุเลและข้อติดขัดมากมายจากสถานการณ์โควิด นักกีฬาและกองเชียร์ทั่วโลกต่างก็เฝ้ารอโอลิมปิกครั้งต่อไป

เพราะฝรั่งเศสประกาศว่าจะจัดให้ยิ่งใหญ่สวยงามและตระการสมกับการได้เป็นเจ้าภาพสมัยที่ 3 ผ่านกีฬากลางแจ้งต่าง ๆ ในกรุงปารีส เช่น วอลเลย์บอลชายหาดกับสเกตบอร์ด ที่มีหอไอเฟลเป็นฉากหลัง
และการวิ่งมาราธอนที่นักวิ่งจะแข่งกันที่ถนนย่าน ชอง เซลิเซ่ ส่วนขี่ม้าแข่งกันที่สนามหน้าพระราชวังแวร์ซาย

พร้อมกันนี้ยังจัดการวิ่งบนลู่ที่ลอยอยู่บนแม่น้ำแซนอีก ภายใต้คอนเซ็ปต์สุดตระการตาแต่ประหยัด เพราะแทบไม่ต้องสร้างสนามกีฬาใหม่เลย
มีการประเมินว่างบที่รัฐบาลฝรั่งเศสใช้จัดโอลิมปิกที่กรุงปารีสจะน้อยกว่าที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้จัดโอลิมปิกที่โตเกียวเกือบ 3 เท่า
แต่ท่ามกลางการรอรับความสำเร็จ คำชม และเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้ามา ฝรั่งเศสก็มีเรื่องอื่นให้ต้องลุ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากแบรนด์ในประเทศที่ได้รับเลือกให้ผลิตชุดสำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติในโอลิมปิกครั้งนี้

Le Coq ยังคงมีปัญหาติดขัดทางธุรกิจและสภาพคล่องจนเมื่อปี 2023 ต้องกู้เงิน 11 ล้านดอลลาร์ (ราว 403 ล้านบาท) จากรัฐบาลฝรั่งเศส แต่ปี 2024 สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น โดยเมื่อต้นมิถุนายนถึงกับต้องออกมายอมรับว่า
การส่งชุดแข่งให้นักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสในโอลิมปิกปลายกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคมนี้ อาจล่าช้าไปบ้าง แต่ก็จะเร่งผลิตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกฝรั่งเศสได้ไปตรวจดูการผลิตชุดให้นักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศส ยอมรับว่ากังวลกับการผลิตของ Le Coq
ด้านคนในวงการกีฬาฝรั่งเศสให้ทัศนะที่แย่กว่านั้น โดยกล่าวว่า โอลิมปิกก็จะเริ่มในอีกไม่กี่สัปดาห์แล้ว ถ้าผลิตชุดแข่งไม่ทันจะเป็นหายนะ น่าจะมีแผนสำรอง

และไม่เข้าใจว่า Le Coq ได้รับเลือกให้ผลิตชุดให้ทัพกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสได้อย่างไร ทั้งที่สภาพการเงินไม่ดี
สำหรับ Le Coq ก่อตั้งเมื่อปี 1882 หรือเมื่อปี 142 ปีก่อน โดย อีมิล คามูเซ่ต์ นักธุรกิจสิ่งทอ และเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนๆ กีฬา ผู้หลงใหลแฟชั่นและผู้ที่ชื่นชอบความเป็นฝรั่งเศส ผ่านโลโก้ตราไก่

ยุค 70 คือช่วงรุ่งเรืองของ Le Coq ด้วยการได้ทำชุดแข่งให้ทัพนักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสในโอลิมปิกปี 1972 และชุดแข่งของ Ajax Amsterdam สโมสรฟุตบอลดังของเนเธอร์แลนด์ที่นำโดย โยฮัน ครัฟฟ์

จากนั้นยังได้ทำชุดแข่งให้ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1986 ภายใต้การนำทีมของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ซึ่งในรอบก่อนรองชนะเลิศ ดิเอโก้ มาราโดน่า ใช้มือปัดลูกฟุตบอลเข้าประตูหรือ Hand of God จนโด่งดังอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังปี 1972 Le Coq ก็ไม่ได้ทำชุดแข่งให้ทัพนักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสอีกเลย ซ้ำร้ายยังตกต่ำต่อเนื่องจนปี 2005 ล้มละลาย ต้องย้ายไปอยู่ในเครือ Airesis ของสวิตเซอร์แลนด์

ปี 2020 ได้กลับมารับใช้บ้านเกิดอีกครั้ง หลังเอาชนะ Lacoste แบรนด์คู่แข่งร่วมชาติที่ใช้จระเข้เป็นโลโก้ ในการเลือกแบรนด์ที่จะผลิตชุดแข่งให้ทัพนักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสให้โอลิมปิก
ชัยชนะเหนือ Lacoste ทำให้ Le Coq คว้าสิทธิ์ผลิตชุดแข่งนักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024 เริ่มจากโอลิมปิกฤดูร้อนในญี่ปุ่นปี 2021 พาราลิมปิกในปีเดียวเดียว ตามด้วยโอลิมปิกและพาราลิมปิกฤดูหนาวในปี 2022
ทว่า Le Coq ยังคงประสบปัญหา โดยขาดทุนต่อเนื่องจากโควิดมาตั้งแต่ปี 2019 ตามด้วยยอดขายรองเท้าตก ซ้ำร้ายยังได้รับผลกระทบจากราคาชุดรักบี้ราคาตก

และขายไม่ออกหลังรักบี้ชายทีมชาติฝรั่งเศสตกรอบรักบี้โลกปี 2023 ทั้งที่เป็นเจ้าภาพอีกด้วย
และมาปี 2024 ซึ่งเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นถึงขั้นสามารถคลายกังวลได้ จนเกิดกรณีผลิตชุดแข่งให้ทัพนักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสตามที่ปรากฏในข่าว
Le Coq ไม่ได้เป็นแบรนด์ฝรั่งเศสแบรนด์เดียวที่กำลังประสบปัญหาก่อนโอลิมปิกปี 2024 จะเริ่มขึ้น โดย Atos บริษัทสารสนเทศ (IT) ที่ดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ตลอดโอลิมปิกครั้งนี้ ได้เข้าสู่การปรับโครงสร้าง หลังกวาดซื้อกิจการบริษัทอื่นๆ

จนเกิดปัญหาสภาพคล่อง มีหนี้ก้อนโต และไม่สามารถจ่ายเงินให้ผู้ถือพันธบัตรได้ ทำให้อาจต้องรอถึงปี 2025 กว่าสถานการณ์ของบริษัทจะกลับมาดีขึ้น/foxsports, fashionnetwork, insidethegames
–
