ชูซิสายพาน มาจากไหน ทำความรู้จัก Yoshiaki Shiraishi ผู้ก่อตั้งอุตสาหกรรมนี้

ซูชิสายพาน มาจากไหน ทำความรู้จัก Yoshiaki Shiraishi ผู้ก่อตั้งอุตสาหกรรมนี้

ซูชิเป็นหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นจานโปรดของใครหลาย ๆ คน ด้วยรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะทำให้ซูชิได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เชื่อกันว่า Hanaya Yohei (ฮานายะ โยเฮ) เป็นผู้สร้างซูชิสมัยใหม่ เนื่องจากเขาเป็นผู้คิดค้น nigiri-sushi ซึ่งเป็นซูชิประเภทหนึ่งที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในปัจจุบัน

แล้วรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้คิดค้นซูชิสายพาน ต้นกำเนิดระบบที่แบรนด์ดังหลายแบรนด์นำไปใช้ เขาคนนั้นก็คือ Yoshiaki Shiraishi (โยชิอากิ ชิราอิชิ) เจ้าของร้าน Genroku Sushi (เกนโรคุซูชิ) ร้านซูชิสายพานแห่งแรก

มารู้จักกับ Yoshiaki Shiraishi ผู้สร้างตำนานซูชิสานพานกันสักนิด

ภาพ Yoshiaki Shiraishi

Yoshiaki Shiraishi เกิดที่เมือง Ehime (เอฮิเมะ) บนเกาะชิโกกุ เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็นในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมอาหารเป็นอย่างมาก

เนื่องจากเขามีประสบการณ์ทำอาหารในร้านเทมปุระหลังจากญี่ปุ่นยึดครองจีน (แมนจูเรีย ใต้การปกครองของญี่ปุ่น) ก่อนจะถูกเกณฑ์ไปประจำการบริเวณชายแดนจีน-รัสเซีย หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เขากลับบ้านเกิดในสภาพเกือบจะสิ้นเนื้อประดาตัว เขาจึงต้องหาเงินจากการขายสินค้าในตลาดมืดก่อนที่จะเริ่มคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในวงการอาหาร

เบื้องหลังการเกิดซูชิสายพาน

เล่ากันว่า Yoshiaki Shiraishi อดีตทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับแรงบันดาลใจในระบบซูชิสายพานมาจากตอนที่เขาไปเยี่ยมชมโรงเบียร์ Asahi (อาซาฮิ)

เขาได้เห็นสายพานลําเลียงขนส่งขวดและกระป๋องเบียร์ ทำให้เกิดความคิดที่จะปฏิวัติการบริโภคซูชิให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเขามีความเห็นว่าหากใช้สายพานนี้ในอุตสาหกรรมซูชิจะทำให้การเสิร์ฟซูชิรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องเพิ่มพนักงานในร้านอาหารอีกด้วย

โดยไอเดียของเขานี้เริ่มต้นขึ้นช่วงกลางทศวรรษ 1950 เขาได้ร่างแบบคร่าว ๆ แล้วนำไปให้ช่างตามโรงงานพิจารณาแบบ ก่อนจะถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็มีโรงงานเล็ก ๆ แห่งหนึ่งยินดีที่จะลองผลิตระบบรางซูชิสายพานให้กับเขา

เนื่องจากความจริงแล้ว ความคิดนี้ของ Yoshiaki Shiraishi ถือว่าเป็นสิ่งที่ล้ำสมัยไปมากในสมัยนั้น เพราะถ้าระบบนี้เกิดขึ้นนั่นหมายความว่า ร้านอาหารจำเป็นต้องผลิตซูชิมาเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว ซึ่งสำหรับอาหารที่ต้องมีความพิถีพิถันและประณีตในการผลิตอย่างซูชินั้น การผลิตทีละจำนวนมาก ๆ ถือเป็นเรื่องใหม่และแตกต่างจากวัฒนธรรมการกินซูชิแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

Kaiten-Sushi ซูชิสายพาน แห่งแรก

ด้วยเหตุนี้ Yoshiaki Shiraishi จึงต้องใช้เวลากว่า 5 ปีในการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพแนวคิดสายพานก่อนที่จะเปิดร้านอาหาร kaiten-sushi ที่มีความหมายตรงตัวในภาษาญี่ปุ่นว่า ซูชิหมุน ในปี 1958

โดยเริ่มแรกสายพานของเขานั้นยังมีความเร็วไม่คงที่ บางครั้งสายพานก็เลื่อนเร็วเกินไปจนลูกค้าไม่สามารถหยิบจานได้ทัน และบางครั้งก็ช้าเกินไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อ รวมไปถึงซูชิไม่มีความสดใหม่เมื่อไปถึงมือผู้บริโภค Yoshiaki Shiraishi จึงได้ทดลองแล้วทดลองอีก จนได้เวลาในการเลื่อนสายพานที่เหมาะสมในที่สุด

แม้ว่าในระยะแรก ร้านอาหาร kaiten-sushi ของเขาจะถูกเชฟซูชิต้นตำรับดูถูกดูแคลนว่าทำให้ศิลปะการประกอบอาหารชั้นสูงของพวกเขาตกต่ำ แต่สำหรับผู้บริโภคแล้วนั้นซูชิสายพานของเขาทำให้อาหารหรูหราราคาแพงสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะซูชิสายพานมีต้นทุนที่ต่ำกว่า สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนได้ไม่ยาก จึงสามารถตั้งราคาได้ต่ำกว่าร้านซูชิทั่วไป

ด้วยความแปลกใหม่และราคาที่จับต้องได้ ในไม่ช้าร้านอาหารของเขาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนได้รับโอกาสให้ไปแสดงโชว์ในงาน Osaka World Expo ในปี 1970 เพื่อนำเสนอวิธีใหม่ในการเพลิดเพลินซูชิ ซึ่งวิธีของเขาได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในและต่างประเทศ

จนทุกวันนี้ร้านอาหาร kaiten-sushi เป็นที่นิยมในคนญี่ปุ่นเสมอมา เนื่องจากมีราคาไม่แพง ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ kaiten-sushi จึงกลายเป็นตัวเลือกการรับประทานอาหารแบบสบาย ๆ ที่เป็นที่นิยมในหมู่ครอบครัวและคนหนุ่มสาวนั่นเอง

โดยในอดีตร้านอาหารของเขามีมากกว่า 200 แห่ง ก่อนที่จะลดลงเหลือเพียง 11 แห่งเท่านั้น ซึ่งสาเหตุไม่ได้มาจากความนิยมลดลงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะในช่วงปลายทศวรรษ 70 สิทธิบัตรในการผูกขาดการประดิษฐ์ของเขาหมดลง ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา มีร้านซูชิสายพานเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก

การแข่งขันในตลาดเลยมีความดุเดือดมากขึ้น ประกอบกับด้วยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ทำให้ร้านซูชิบางสาขาของเขาต้องปิดตัวลง

แม้ว่าในตอนแรกความคิดของเขาจะไม่ได้รับการยอมรับ แต่ Yoshiaki Shiraishi ถือได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนในด้านวัฒนธรรมสมัยนิยมที่ญี่ปุ่นภาคภูมิใจ เพราะเขาได้ช่วยเปลี่ยนความคิดของผู้คน และยังเพิ่มองค์ประกอบความบันเทิงในการรับประทานอาหารที่เหมาะกับความคิดสมัยใหม่อีกด้วย

เรื่อง: ภริดา มุทิตาภรณ์

ที่มา:

https://www.latimes.com/archives/la-xpm-2001-sep-02-me-41354-story.html