เมื่อสิ่งของที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันถูกนำมาดีไซน์ในมุมมองใหม่ ๆ และกลายเป็นสิ่งคุ้นเคยที่ไม่คุ้นเคย

ตามไปส่องผลงานอาร์ตแฟชั่นของศิลปินสาวชาวแคนาดา Gab Bois (แกบ บอยส์) วัย 26 ปี ที่แบรนด์ดังทุกชื่อให้การยอมรับเธอมากที่สุดในเวลานี้

หากคุณเคยติดตามวงการศิลปะ อาจจะเคยผ่านตาภาพบางภาพที่มีการออกแบบโปรดักส์แบบแปลก ๆ หรืออาจเคยรีโพสต์ซ้ำบนสตอรี่ก็ได้

Gab Bois ได้เปลี่ยนโซเชียลมีเดีย @gabbois ให้กลายเป็นสตูดิโอขนาดย่อมไว้ลงผลงานของตัวเอง และจำนวนผู้ติดตามของเธอก็สูงถึง 687,000 คน และผู้ติดตามนั้นก็เป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น อาทิ InStyle, The Face, ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ OFF-White อย่าง Virgil Abloh ตลอดจนผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นชาวเยอรมันอย่าง Caro Daur ต่างก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามบัญชี Instagram ของเธอ

ศิลปินผู้นี้ได้โพสต์ภาพที่ทำให้สิ่งของธรรมดา ๆ ในชีวิตประจำวันดูแปลกตาไป โดยนำสิ่งของเหล่านั้นออกจากสภาพแวดล้อมเดิม แล้วนำไปจัดวางในบริบทใหม่ และถ่ายออกมาโดยไม่ใช้เอฟเฟกต์พิเศษทางดิจิทัลใด ๆ พร้อมกับคำบรรยายโพสต์แบบเล่นกับคำและวลี ดึงดูดความสนใจจาก Jean Paul Gaultier, Louboutin, Balenciaga และ Marc Jacobs ซึ่งติดต่อเธอไปร่วมออกแบบเครื่องประดับของแบรนด์

พลิกโฉมวงการแฟชั่นด้วยความหลงใหลและความรักในงานศิลปะ มาก่อร่างให้เกิดเป็นผลงานแฟชั่นจริง ไม่ว่าจะเป็นกระโปรงเทนนิสจากผักกาด บราเปลือกส้ม กระโปรงจากดินสอ ที่คาดผมจากใบเสร็จ แว่นจากแผ่นฟิล์ม กระเป๋าสะพายจากกล้องวิดีโอ เป็นต้น

จุดเริ่มต้น ที่ทำให้ปังไม่รู้ตัว

 

แต่หากเล่าไปถึงวันแรกที่ Gab Bois รู้ว่าสิ่งที่เธอทำสามารถหาเงินได้ เป็นเรื่องที่ฟังดูธรรมดา ๆ และคาดไม่ถึงว่ามันจะเวิร์ก วันนั้นเธอในวัย 20 ปี ตามประสาวัยรุ่นที่อยู่ไม่นิ่ง Gab Bois ได้หาของใช้แปลกๆมาแต่งรีเทนเนอร์แล้วถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิทัลเก่าของพ่อ ให้ฟีลแบบ Brigitte Bardot แล้วโพสต์ลงบน Instagram จากนั้นไม่นาน Nike ก็ติดต่อมาขอลิขสิทธิ์ภาพไปใช้สกรีนขายบนเสื้อยืด

พอเห็นลู่ทางหารายได้เธอก็หยุดเรียนที่มหาวิทยาลัยควิเบกในมอนทรีออล และหันมาทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์งานอย่างเต็มที่ เริ่มตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเนื้อหาคอนเทนต์เช่นนี้ยังแปลกใหม่มากในเวลานั้น ทำให้ยอดไลก์ยอดแชร์เป็นไปอย่างออแกนิก

จวบจนปัจจุบันสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักออกแบบ โดยไม่ต้องไปทำงานพาร์ตไทม์หลังขดหลังแข็งแล้ว และยังรับงานออกแบบร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น โปรเจกต์กับ Fenty แบรนด์เครื่องสำอางของริฮานน่า ตามด้วยแบรนด์กระเป๋า Mulberry แบรนด์ GCDS สตรีทแวร์สัญชาติอิตาลี ตลอดจน SSENSE, Selfridges Food และ Süddeutsche Zeitung รวมถึงได้ร่วมงานกับนิตยสารออกแบบตกแต่งภายใน The Modern House

ด้วยสเกลงานและบทบาทที่ใหญ่ขึ้น Gab Bois จึงจำเป็นต้องเปิดรับทีมเพิ่ม เพื่อช่วยให้ศักยภาพในการสร้างผลงานมากขึ้น แต่ยังคงจับงานเองตั้งแต่ต้นจนจบ จากวันนั้นที่เธอเพียงโพสต์ภาพตามประสาวัยรุ่นที่ต้องการแสดงไลฟ์สไตล์ของตน แต่กลับกลายเป็นว่ามันได้พลิกชีวิตเธอไปตลอดกาล

สายเลือดศิลปะมักถ่ายทอดผ่าน DNA

Gab Bois ในวัยเด็กโตมากับคุณพ่อที่ชื่นชอบการวาดภาพ  ทำให้รอบตัวเธอเต็มไปด้วยอุปกรณ์ศิลปะ จึงซึมซับความหลงใหลในศิลปะมานับแต่นั้น และกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับชีวิตเธอไปแล้ว

ผลงานของ Gab Bois และฝีมือของเธอกำลังทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก

ส่องผลงานสุดครีเอทีฟที่ต้องซูฮกให้กับความ Born to be ชนิดศิลปะอยู่ในสายเลือด ผลงานของเธอส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากภาพวาดของ Arcimboldo ที่เต็มไปด้วยผลไม้และผัก

Gab Bois จะใช้วิธีเดินไปตามร้านบูติกและร้านขายของชำในเมือง แล้วมองหาผลิตภัณฑ์เก่าหรือผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุแล้ว เพื่อสร้างสรรค์ผลงานของเธอเอง ผลงานแต่ละชิ้นล้วนใช้เวลาทุ่มเทเกินกว่าสัปดาห์

และต้องบอกว่าบางชิ้นมีวางจำหน่ายจริงด้วย เช่น แว่นกันแดดม้วนฟิล์มจำหน่ายโดยแบรนด์ Studiocult ของนิวยอร์ก หรือจะเป็นเก้าอี้โปร่งใสในงาน Milan Design Week ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสลัดเจลลี่ที่คนในอเมริกานิยมรับประทานกันในช่วงทศวรรษ 1950

จากที่สร้างตัวตนในโลกออนไลน์สู่ออฟไลน์ ความนิยมที่ล้นหลามยังทำให้ Gab Bois คว้าโอกาสเปิดนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ที่แกลเลอรี Gifted BK ในบรูคลิน เพื่อจัดแสดงธีมงาน “มิติ” ที่แตกต่างกัน และความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดตามแบบฉบับของเธอ

 –


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer