ออโรร่า ทำความรู้จักห้างทองที่กำลังเจิดจ้า ในยุคที่ทองกลายเป็น สินทรัพย์ขวัญใจมหาชน
วันนี้ ทองคำคือสินทรัพย์ปลอดภัย ที่หลายคนคาดหวังเป็น “หลุมหลบภัย” จากความผันผวนของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และค่าเงิน
ด้วยความมั่นใจว่าจะ “ไม่เสื่อมคุณค่า” แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปี
ในบ้านเรา “เยาวราช” คือถนนสายทองคำ ที่ทุกคนจะแห่กันไปซื้อทอง ร้านทองเก่าแก่ชื่อดังอย่าง ตั้ง โต๊ะ กัง ฮั่วเซ่งเฮง แม่ทองสุก จินฮั้วเฮง ฯลฯ ในบางวันยังมีคิวคนรอซื้อ-ขาย ยาวเหยียด
เป็นธุรกิจ “Traditional Product” ที่มีแบรนด์แข็งแรงมานาน และกำลังเจิดจ้ากันทั้งถนน
แต่ Case Study ของร้านทองหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะสามารถ Rebrand ตัวเองให้ตอบโจทย์ “Modern Consumer” ได้อย่างดี โดยไม่ต้องอยู่บนถนนเยาวราช คือ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA
ออโรร่า หมายถึง แสงเงินแสงทอง เป็น ร้านทองชื่อ “ฝรั่ง” ที่มีคนไทยสัญชาติจีนตระกูล “ศรีรุ่งธรรม” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
เริ่มฉายแสงขึ้นในปี 2516 โดยการเปิดร้านแรกบนถนนสุขุมวิท 103 (อุดมสุข) ใน ชื่อว่า “ห้างทองซุ่ยเซ่งเฮง” ในปี 2529
หลังจากนั้น AURA ยังกล้าเป็น First Mover ในหลาย ๆ เรื่อง เช่น
การไปเปิดร้านในศูนย์การค้า ตั้งแต่ปี 2529 ก่อนที่จะไปขยายสาขาในโมเดิร์นเทรดอื่น ๆ
เปลี่ยนชื่อร้านขายทองในเครือทั้งหมด เป็น “ห้างเพชรทองออโรร่า” กลายเป็นร้านทองแบรนด์แรก ๆ ที่ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ
สีประจำแบรนด์ที่แตกต่างด้วยสีส้ม มีการทำโปรโมชั่น ทำระบบสมาชิก เก็บฐานข้อมูล เพื่อรู้อินไซต์ต่าง ๆ ของลูกค้า
เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ทำลายกำแพงความกลัวของลูกค้าแล้วแทนที่ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์ ด้วยการขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัท และแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งช้อปปี้ ลาซาด้า TikT0k รวมทั้งแพลตฟอร์มการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย
เป็นร้านขายปลีกทองรูปพรรณรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือน พ.ย. ปี 2565
และยังเตรียมยกระดับประสบการณ์ผ่านระบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน และเพิ่มบริการถึงหน้าบ้าน (Delivery) ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบริการ Delivery ได้ช่วงไตรมาส 2/68 นี้
แตกต่างต่อเนื่องจนรายได้เพิ่ม
ในปี 2564 ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้ 22,255.55 ล้านบาท กำไร 591.03 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 33,153.9 ล้านบาท กำไร 1,134.8 ล้านบาท 95.80% มาจากทางออฟไลน์ 4.20% มาจากออนไลน์
จาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ Gold Jewelry Business และ Gold Financing Business
เป็นปีที่บริษัทมีรายได้จากผลการดำเนินงานทำสถิติสูงสุด (All Time High) ส่วนกำไรทำสถิติสูงสุดเช่นกัน
จากจำนวนสาขาทั้งหมดเมื่อสิ้นปี 2567 จำนวน 488 สาขา ทั่วประเทศ
ปี 2568 นี้ อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด AURA ยังกล่าวไว้ในวันแถลงแผนธุรกิจ 3 ปี 2568-2570 ว่า ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 644 สาขาในปี 2568 และมุ่งสู่ 1,070 สาขา ภายในปี 2570 ภายใต้ 5 แบรนด์หลัก ที่จับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกันไปคือ
ทองมาเงินไป 64%, เซ่งเฮง และ AURORA 29% และ AURORA Diamond และของขวัญ อีก 7%
สำหรับปัจจัยราคาทองที่มีการปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลง ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลสำหรับร้านทอง เพราะสามารถปรับกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งจากขาขายออก และรับชื้อเข้าจากลูกค้า
ในปี 2569 ออโรร่า ยังมีแผนสร้างโรงหลอมทองขึ้นมาเอง เนื่องจากมองว่ามีความคุ้มค่ามากกว่า โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท สร้างโรงหลอมขนาดประมาณ 100 ตารางเมตร และซื้อเครื่องประมาณ 5 เครื่อง โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มมาร์จินได้ 1%
ในโลกยุคปัจจุบัน แม้แต่ธุรกิจ ‘ทองคำ’ ที่เคยดูเหมือนมั่นคงตลอดกาล แต่การทำธุรกิจเกี่ยวกับทองยังต้องกล้าปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
