เพื่อเติมเต็มอรรถรสในการฟังให้ครบสมบูรณ์ คอเพลงส่วนใหญ่จึงไปจบลงที่การไปชมนักร้องหรือวงขวัญใจ ‘เล่นสด’ และดีขึ้นอีกแบบยกกำลังถ้าได้ทั้งฟัง ทั้งเห็น หลายวงเล่นต่อเนื่องกัน ข้อดีดังกล่าวทำให้เทศกาลดนตรีกลายเป็นองค์ประกอบหลักของอุตสาหกรรมดนตรีมาตลอด ไม่ว่าพฤติกรรมและรูปแบบการฟังเพลงของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยท่ามกลางเทศกาลดนตรีที่กลับมาขยายตัวไม่หยุดในปัจจุบัน Coahchella เป็นที่รู้จักมากสุด
ตำแหน่งเทศกาลดนตรีอันดับหนึ่งและจัดต่อเนื่องมานานถึง 20 ปี ดึงดูดให้ศิลปินดังๆ หลายยุคหลากแนว อยากมาขึ้นเวที Coahchella แต่ Music Festival ที่ประสบความสำเร็จแบบสุดกระหึ่มในวันนี้ ก็ต้องฝ่าฟันความอึมครึมของอุปสรรคมาไม่น้อย
เกือบไม่มีครั้งที่ 20 ในปีนี้ ถ้าสองหัวเรือใหญ่ถอดใจช่วงออกตัว
Coahchella จัดโดย Goldenvoice บริษัทผู้จัด Concert ภายใต้การบริหารของ Paul Tollett และ Rick Van Santen ที่หวังจัดงานดนตรีแบบเทศกาลซึ่งเต็มไปด้วยศิลปินหลายแนว ลักษณะเดียวกับของยุโรป เช่น Glastonbury หรือ Reading เข้ามาในสหรัฐฯ
Rick Van Santen (ซ้าย) และ Paul Tollett (ขวา)
Coachella ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อ 9-10 ตุลาคมปี 1999 บนพื้นที่ราว 23,000 ตารางเมตร ของสนามโปโล Empire Polo Club ที่สร้างอยู่บนทะเลทราย Coachella Valley ราคาตั๋วต่อวันอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,600 บาท)
แม้มีศิลปินเดี่ยวและวงดนตรีดังของปีนั้นอย่าง Beck, Rage Against the Machine, Tool และ The Chemical Brothers รวมถึงบรรยากาศที่เป็นมิตรกว่า Woodstock งานดังระดับตำนานที่จบลงด้วยเหตุอื้อฉาวมากมาย
แต่ก็มีผู้ชมเพียง 25,000 คนและทำเงินได้เพียง 1.85 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 59 ล้านบาท) เท่านั้น จนต้องเจ็บหนักจากการขาดทุน
วง Rage Against the Machine ใน Coachella ครั้งแรก
ความเสียหายจากการฝันใหญ่เกินตัวดังกล่าวทำให้ในปี 2000 Godenvoice ต้องยอมเข้าไปอยู่ใต้ชายคา AEG บริษัทผู้จัด Concert ที่ใหญ่กว่า เพื่อประคองบริษัทให้ไปต่อได้ระหว่างช่วงพักจากการจัดเทศกาลดนตรี ความอยู่รอดทางธุรกิจและเลี่ยงไม่ให้ชนกับ Concert กับเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นติดๆ กันในแถบตอนใต้ของรัฐ California
อีก 2 ครั้งถัดมาในปี 2001 และ 2002 ซึ่งเลื่อนมาช่วงเมษายน สถานการณ์เริ่มดีขึ้นด้วยตัวเลขขาดทุนที่ลดลง สวนทางกับจำนวนผู้ชมและยอดขายตั๋วที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเริ่มเป็นที่รู้จักของวงดังๆ มากขึ้น จนครั้งที่ 5 ในปี 2004 ซึ่งราคาตั๋วต่อวันขยับขึ้นเป็น 75 เหรียญสหรัฐ (ราว 2,400 บาท) ก็ทำกำไรได้
ด้วยยอดขายตั๋ว 8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 256 ล้านบาท) และจำนวนผู้ชม 110,000 คน ทว่าท่ามกลางความสำเร็จดังกล่าว Rick Van Santen หนึ่งในสองผู้ก่อตั้ง Goldenvoice ก็มาด่วนจากไปเพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัด
วง Daft Punk ใน Coachella ปี 2006
ในปีต่อๆ มา Coachella ก็ขยับสถานะขึ้นมาเป็นเทศกาลดนตรีระดับโลก ที่คอดนตรีและขา Concert ต้องไปให้ได้เพื่อดูศิลปินดังของปีนั้นๆ รวมถึงโชว์พิเศษของวงการรุ่นเก่าที่กลับมารวมตัวแบบเฉพาะกิจ
จนในปี 2017 ซึ่งราคาตั๋ว 3 วันเพิ่มขึ้นเป็น 399 เหรียญสหรัฐ (ราว 12,768 บาท) ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นเป็น 250,000 คน ยอดขายตั๋วพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 456 ล้านบาท
ทำไม Coachella ประสบความสำเร็จ
Donauinselfest
ปัจจุบัน Donauinselfest ในออสเตรียเป็นเทศกาลดนตรีเบอร์หนึ่งของโลกด้วยจำนวนผู้ชมมากถึง 3 ล้านคน ที่มาชม Free Concert ตลอด 3 วัน ส่วน Coachella แม้ตามมาเป็นอันดับ 7 ด้วยจำนวนผู้ชม แต่เป็นที่รู้จักมากกว่า มีศิลปินดังๆ ระดับโลกมาขึ้นเวทีมากกว่า
และเต็มไปด้วยความหลากหลาย ยืนยันได้จากปีนี้ได้ Ariana Grande, the 1975, Tame Impala, Khalid และ Black Pink มาเป็น Headline Acts จนคาดว่าตลอด 6 วันของปีนี้ (12-14 และ 19-21 เมษายน) จะมีผู้ชมราว 700,000 คน ที่ซื้อตั๋วราคา 429 เหรียญสหรัฐ (ราว 13,728 บาท) เข้างาน
วง Blackpink ใน Coachella ปี 2019
ความสำเร็จของ Coachella ที่ทำให้ธุรกิจเทศกาลดนตรีโดยเฉพาะในสหรัฐฯ กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าปีนี้มูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็น 15,611 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 499,552 ล้านบาท) เกิดจากหลายปัจจัย
เริ่มจากจังหวะเวลาที่ดีของงานปีแรกซึ่งเส้นแบ่งแนวดนตรีจางลง จน Alternative Metal และ Dance Music มาอยู่ในงานเดียวกันได้ และการเปลี่ยนจากเช่ามาเป็นซื้อพื้นที่ส่วนใหญ่ของ Empire Polo Club เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการพื้นที่
วง Gun N’ Roses ใน Coachella ปี 2016
ตามด้วยการส่วนผสมของแนวเพลงและศิลปินที่ครอบคลุมผู้ชมหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึง Generation X และ Baby Boom นอกจากนี้ยังมี ‘ไม้เด็ด’ เป็นการขึ้นเวทีของนักร้องหรือวงดนตรีรุ่นเก่า อย่าง Jane ‘s Addiction, Kraftwerk, Gun N’ Roses และ AC/DC อีกด้วย
ขณะเดียวกันก็เพิ่มช่องทางรับชมด้วยการถ่ายทอดสด การแสดงที่สำคัญๆ ผ่าน Youtube มาหลายปี ซึ่งประสบความสำเร็จเกินคาด
Beyonce ใน Coachella ปี 2018
ยืนยันได้จากเมื่อปี 2018 มีผู้ชมแบบ Streaming ผ่านช่องทางนี้ทั่วโลกถึง 41 ล้านคน ซึ่งนับเฉพาะช่วงที่ Beyonce ขึ้นเวทีก็มีผู้ชมมากถึง 458,000 คน/latimes, pe, rollingstone, variety, statista, wikipedia
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



