ปี 2562 เป็นปีที่ภาคธุรกิจไทยเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งปัจจัยจากต่างประเทศ อาทิ สงครามการค้า เงินบาทแข็งค่า และภายในประเทศ เช่น การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ภาคธุรกิจต้องพยายามปรับตัวเพื่อให้เดินไปต่อได้อย่างที่มีแรงเสียดทานน้อยที่สุด
“หลักทรัพย์กสิกรไทย” ประเมินธุรกิจ-หุ้นเด่นที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ในสภาวะที่ภาพรวมเศรษฐกิจดูอึมครึมไม่สดใสนัก
Marketeer สรุปมา 7 อุตสาหกรรมเด่นๆ ดังนี้
กลุ่มพาณิชย์
CPALL เนื่องจากได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างจังหวัด มาตรการช่วยเหลือภาคการเกษตร การปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากยอดขายสาขาเดิม เพราะราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและวันหยุดติดต่อกันในไตรมาส 2/62 ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและกำลังซื้อ
กลุ่มสินค้าเกษตร (เนื้อหมู)
CPF ถือเป็นหุ้นเด่นในอุตสาหกรรม เพราะมีราคาเนื้อหมูที่เติบโตแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร (AFS) เวียดนาม ทำให้ตลาดเนื้อหมูจากไทยเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ราคาเนื้อหมู ไก่เนื้อ ข้าวโพด และถั่วเหลือง เติบโตอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มรับเหมาโยธา
ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีการประมูลโครงการภาครัฐมากมาย ทำให้ CK (บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)) และ STEC (บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)) ได้รับอานิสงส์จากการดำเนินงานของภาครัฐ
กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่
โดยเฉพาะ KTB และ SCB เพราะคาดว่าอัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CI Ratio) และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (Credit Cost) จะยังปรับลดต่อเนื่อง
ขณะที่หนี้เสียใหม่ (NPL) ปรับลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 1/61
กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
โดยมี TFFIF เป็นธุรกิจที่เด่นที่สุด ด้วยเหตุผล 4 ข้อ คือ (1) มีอายุกองทุนเหลืออยู่ 29 ปี (2) กระแสรายได้ที่มั่นคง (3) ความผันผวนต่ำ และ (4) โอกาสที่จะมีการอัดฉีดสินทรัพย์โดยรัฐบาล
กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
AMATA – เพราะได้ประโยชน์มากที่สุดจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากชาวต่างชาติ (FDI) ที่สูงขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ และจากการย้ายฐานโรงงานจากจีนมาสู่ไทย
กลุ่ม ICT
ได้แก่ DTAC และ TRUE ซึ่งเป็น 2 ธุรกิจที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะเหตุผล 3 ข้อ คือ
(1) ตลาดจะมองบวกต่อทิศทางการเติบโตด้านรายได้ของอุตสาหกรรมมือถือมากยิ่งขึ้นหลังจากมีการแข่งขันด้านราคาที่ผ่อนลง (2) ตลาดจะประเมินโอกาสการปรับลดของต้นทุนจากการหยุดให้บริการ 2G ที่น้อยเกินไป และ (3) ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการประมูลคลื่น 5G และวัฏจักรการลงทุน (CAPEX) ในอนาคตมากเกินไป
–
