เส้นทางในดำเนินธุรกิจของ Nissan ยังเต็มไปด้วยอุปสรรคและต้อง ‘ขับฝ่า’ มรสุม โดยกำไรระหว่างเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้ อยู่ที่ 1,600 ล้านเยน (ราว 458 ล้านบาท) ลดลงจากกรอบเวลาดังกล่าวของปี 2017 ถึง 98.5% ขณะเดียวกันยังมากกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ได้คาดไว้ว่าจะลดลงประมาณ 66% และยังเป็นตัวเลขกำไรที่ลดลงมากสุดในรอบกว่า 10 ปีอีกด้วย

ตัวเลขที่แสดงถึงวิกฤตของแบรนด์รถยนต์ยักษ์สัญชาติญี่ปุ่นยังไม่หมดแค่นั้น โดยจากนี้ไปจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2023 จะมีการปลดคนงานตามโรงงานหลายแห่งที่ขาดทุนในประเทศ 14 แห่ง เช่น สเปนและอินโดนีเซียเป็นจำนวนรวมกันประมาณ 12,500 คน ซึ่งคิดเป็น 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด เพิ่มจาก 4,800 คนที่ประกาศไว้เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา

วิกฤตครั้งนี้ของ Nissan เกิดจากยอดขายในหลายประเทศตก เช่น ในสหรัฐฯ ที่เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมาลดลง 15% จากเดือนเดียวกันของปี 2018 ส่วนที่จีนซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สุดของแบรนด์ ครึ่งปีนี้ก็ลดลงมา 0.3% ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายในยุโรปลดลงมากกว่า 16%

Carlos Ghosn Nissan Carlos Ghosn อดีต CEO ของ Nissan 

ตัวเลขเชิงลบของ Nissan ยังมีสาเหตุมาจากทั้งเศรษฐกิจโลกหดตัว จนกระทบต่อยอดขายของค่ายรถทั่วโลก และรถรุ่นใหม่ๆ ของ Nissan ที่เพิ่งออกมา ไม่สามารถสร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่งได้เท่าที่ควร

ในส่วนของปัญหาหลังสุด Nissan ได้วางแผนแก้ไขด้วยการทุ่มงบ 47,000 ล้านเยน (ราว 13,400 ล้านบาท) ผลักดันรถรุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น ทั้งเพื่อกระตุ้นยอดขายและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดู “หนุ่ม” ขึ้นกว่าเดิมด้วย

Nissan CEO ฮิโรโตะ ไซกาวะ CEO คนปัจจุบันของ Nissan 

คนที่ถูกจับตามองจากวิกฤตครั้งนี้มากสุดคงไม่พ้น ฮิโรโตะ ไซกาวะ ประธานบริหาร (CEO) Nissan คนปัจจุบันที่ขึ้นสู่ตำแหน่งหลัง Carlos Ghosn เจ้าของตำแหน่งนี้คนก่อนที่ถูกปลดจากกรณีทุจริต

เพราะนี่คือโอกาสให้ ไซกาวะ ได้พิสูจน์ฝีมือหลังขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ของ Nissan เต็มตัว แม้แนวทางคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ใกล้เคียงกับที่ Ghosn เคยพา Nissan ให้พ้นการล้มละลายเมื่อต้นยุค 2000 ก็ตาม/japantoday, reuters, cnn

 



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน