ซื้อของออนไลน์ คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย ซื้ออะไรในเน็ต
ประชากรดิจิทัลเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี และการเติบโตนี้ยังมาพร้อมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทันมาจับจ่ายสินค้าบนโลกออนไลน์มากขึ้น
จากรายงาน: ผลสำรวจ Riding the Digital Wave: Southeast Asia’s Discovery Generation โดย เฟซบุ๊กร่วมกับ เบน แอนด์ คอมพานีปี 2561 พบว่าประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนมากถึง 250 ล้านคน ที่เป็นผู้บริโภคดิจิทัลที่มีการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้ง
และคาดการณ์ว่าในปี 2568 ผู้บริโภคดิจิทัลจะมีจำนวนมากถึง 310 ล้านคน และมีการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เฉลี่ยคนละ 390 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 12,440 บาทไทย เติบโต 4.9 เท่าจากปี 2561
สำหรับประเทศไทยจากรายงานของ We Are Social พบว่าปัจจุบันคนไทยเข้าถึงโลกออนไลน์ 52 ล้านคน และจากผลสำรวจในไตรมาส 3/2562 พบว่ามีคนไทยมากถึง 82% ของประชากรอินเทอร์เน็ตมีการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ
การที่คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตและซื้อขายออนไลน์ที่สูง จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจของนักการตลาดในการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมถึงการปรับตัวบนโลกดิจิทัลเพื่อความอยู่รอดของแบรนด์ในระยะยาวจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคบนโลกออนไลน์

เรามาดูกันว่าผู้บริโภคดิจิทัลชาวไทยมีพฤติกรรมและความคิดอย่างไรในการ ซื้อของออนไลน์ และแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แค่ไหน
ผลสำรวจ Riding the Digital Wave: Southeast Asia’s Discovery Generation เป็นผลสำรวจที่เปิดเผยโดยจอห์น แวกเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร Facebook ประเทศไทยและดิเรก เกศวการุณย์ บริษัท เบน แอนด์ คอมพานี ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563
ในรายงานผลสำรวจนี้พบว่าพฤติกรรมของคนไทยเป็นพฤติกรรมที่เปิดกว้างในการรับแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด โดยผลสำรวจพบว่า คนไทยมากถึง 66% มีการเปิดกว้างในการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ
เปิดกว้างในการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ
สิงคโปร์ 75%
มาเลเซีย 70%
ฟิลิปปินส์ 72%
อินโดนีเซีย 67%
ไทย 66%
เวียดนาม 50%
ถึงแม้ว่าสัดส่วนการเปิดกว้างรับสินค้าใหม่ๆ ของคนไทยยังเทียบเท่าสิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, และอินโดนีเซียไม่ได้ก็ตาม แต่จากการสำรวจนี้ทำให้เราได้เห็นถึงโอกาสของแบรนด์เล็กที่สามารถเข้ามาตีแบรนด์ใหญ่ได้ไม่ยาก ถ้ารู้จักการเข้าถึงผู้บริโภคพร้อมนำเสนอสินค้าแบบเฉพาะเจาะจงมากกว่าสินค้าระดับแมส
และการที่ผู้บริโภคไม่ได้เลือกซื้อเฉพาะแบรนด์สินค้าที่รู้จักเท่านั้นได้เป็นความท้าทายของแบรนด์ใหญ่ที่ต้องรักษาความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้คงอยู่ต่อไปในระยาว
เพราะผู้บริโภคดิจิทัลชาวไทยเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับแบรนด์อย่างมหาศาล เพราะเมื่อผู้บริโภครู้สึกดีกับแบรนด์ จะกลายเป็น Promoter ชั้นดีในการบอกต่อแนะนำสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจของแบรนด์ให้กับบุคคลอื่นๆ ในวงกว้าง จากผลสำรวจนี้ได้ระบุว่าการบอกต่อของแบรนด์นี้จะสามารถสร้างยอดจำหน่าย 3 เท่า
และถ้าเกิดรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์ขึ้นมาก็จะบอกสิ่งของแบรนด์ด้านลบเช่นกัน
ซึ่งสิ่งนี้เองไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่หรือแบรนด์เล็กจะต้องพึงระวังเช่นกัน
นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคดิจิทัลชาวไทยในการเลือกซื้อสินค้า พวกเขายังมีการเปรียบเทียบสินค้าก่อนซื้อเสมอในสัดส่วนที่มากถึง 90% เลยทีเดียว และจะมีเพียง 9% เท่านั้น ที่ซื้อสินค้าทันทีโดยไม่เปรียบเทียบ
90% เปรียบเทียบสินค้าในออนไลน์และออฟไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ
28% เปรียบเทียบสินค้าในช่องทาง Omni Channel
8% เปรียบเทียบสินค้ากับร้านค้าออฟไลน์
55% เปรียบเทียบสินค้าในช่องทาง เว็บไซต์อื่นๆ
9% ซื้อสินค้าทันที
การเปรียบเทียบสินค้าของผู้บริโภคไทยจะเปรียบเทียบเฉลี่ย 3.2 ร้านค้าต่อการซื้อ 1 ครั้งซึ่งถือว่าน้อยสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ส่วนประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการเปรียบเทียบสินค้ามากที่สุด สูงถึง 5.1 ร้านค้าด้วยกัน
ซื้อสินค้าทั้งที เปรียบเทียบกี่ร้าน
สิงคโปร์ 5.1 ร้าน
มาเลเซีย 4.2 ร้าน
เวียดนาม 4.0 ร้าน
อินโดนีเซีย 3.8 ร้าน
ฟิลิปปินส์ 3.2 ร้าน
ไทย 3.2 ร้าน
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าช้อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดผ่านแคมเปญโปรโมชั่น กิจกรรมต่างๆ และการทำ Targeted เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
แต่ในความจริงแล้วผู้บริโภคดิจิทัลไทยมากถึง 60% นิยมซื้อสินค้าออนไลน์เมื่อต้องการโดยไม่รอโปรโมชั่น
26% รอซื้อสินค้าในช่วงโปรโมชั่น หรือมีดีลพิเศษ และ 14% ซื้อสินค้าเฉพาะช่วงเวลาที่จัดเทศกาลเซลเท่านั้น เช่น 11.11
แต่ความสนุกในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคไทยไม่ได้อยู่ที่การเข้าไปเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการเลย แต่ยังมีผู้บริโภคมากถึง 71% ที่เข้าไปดูสินค้าในร้านค้าออนไลน์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อสินค้ามาก่อนด้วยซ้ำ
และพฤติกรรมนี้เองทำให้แบรนด์สามารถสร้างยอดจำหน่ายใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ถ้าสามารถพาตัวเองและสินค้าที่คาดว่าจะเหมาะสมกับความต้องการที่อาจจะเกิดขึ้นได้เข้าไปอยู่ในสายของผู้บริโภคกลุ่มนี้
และถ้าให้เปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้บริโภคดิจิทัลในกลุ่มเมืองและต่างจังหวัดมีความแตกต่างกันแค่ไหน ในผลสำรวจนี้พบว่าผู้บริโภคในเมืองและต่างจังหวัดแทบจะมีความคิดและพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก
| คนเมือง | คนต่างจังหวัด | |
| ไม่ได้ตัดสินใจมาก่อนว่าจะซื้ออะไรเมื่อเข้าไปค้นหาสินค้าในโลกออนไลน์ | 69% | 74% |
| ค้นพบสินค้าและแบรนด์ผ่านโซเชียล | 54% | 57% |
| เปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนซื้อ | 90% | 90% |
| เปิดกว้างสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ | 65% | 67% |
ทั้งนี้ การแข่งขันในโลกช้อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยไม่ได้เป็นการแข่งขันที่ผู้ขาดมากนัก เพราะผลสำรวจพบว่าช้อปปิ้งออนไลน์อันดับหนึ่งทิ้งห่างจากผู้ตามเพียง 1.1 เท่า เท่านั้น ซึ่งต่างจากอเมริกาที่อเมซอนดอทคอมทิ้งห่างแบรนด์อื่นถึง 6.5 เท่า และจีนทิ้งห่างถึง 4 เท่า
ช้อปปิ้งออนไลน์ผู้นำตลาดกับผู้ตามทิ้งห่างกันเท่าไร
อินโดนีเซีย 1.5 เท่า
มาเลเซีย 1.2 เท่า
ฟิลิปปินส์ 1.6 เท่า
ไทย 1.1 เท่า
สิงคโปร์ 1.7 เท่า
เวียดนาม 1.2 เท่า
อเมริกา 6.5 เท่า
จีน 4.0 เท่า
และทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นโอกาสของแบรนด์ในการเข้าถึงผู้บริโภคในยุคดิจิทัล 2020
ผลสำรวจ ‘Riding the Digital Wave: Southeast Asia’s Discovery Generation โดย Facebook และเบน แอนด์ คอมพานี จึงได้จัดทำการสำรวจกับกลุ่มคนจำนวน 12,965 คนในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงและนักลงทุนชั้นนำอีกกว่า 30 คนในแถบภูมิภาคนี้ โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจจำนวน 1,954 คนจากประเทศไทย ในปี 2561
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
