ทุเรียนเวียดนามยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลก จนยกระดับจากผลไม้ตามฤดูกาลทั่วไปสู่การเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยล่าสุดข้อมูลสถิติการส่งออกได้ตอกย้ำความสำคัญดังกล่าวอย่างชัดเจน ด้วยการก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งสินค้าเกษตรส่งออกอันดับหนึ่ง

กรมศุลกากรเวียดนามเปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2025 มูลค่าการส่งออกทุเรียนพุ่งสูงถึง 3,330 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 110,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มูลค่าการส่งออกพุ่งทะยานไปถึง 572 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,900 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นถึง 2.7 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
จากอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด นำไปสู่การคาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2025 มูลค่าการส่งออกทุเรียนน่าจะเพิ่มขึ้นไปแตะที่ 4,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 125,000 ล้านบาท)
ซึ่งทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดของประเทศ แซงหน้าพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
ความสำเร็จนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพการผลิต แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์เพื่อแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับตลาดหลักของทุเรียนเวียดนามคือประเทศจีน ซึ่งมีสัดส่วนการนำเข้าสูงถึง 94.3% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด แม้ในช่วงปลายปี 2025 การส่งออกจะมีการชะลอตัวลงบ้างตามฤดูกาล ประกอบกับการเข้มงวดด้านตรวจสอบคุณภาพ และตัวเลขส่งออกรวมยังตามหลังไทยที่ครองอันดับ 1 อยู่ แต่ยอดสะสมรวมในตลาดจีนของเวียดนามยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 14% เมื่อเทียบปีต่อปี
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทุเรียนเวียดนามครองใจผู้บริโภคชาวจีน จนสามารถเบียดขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 รองจากไทย คือกลยุทธ์ “ราคาที่จับต้องได้” โดยมีราคาเฉลี่ยต่อตันอยู่ที่ 3,696 ดอลลาร์ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งต่ำกว่าทุเรียนไทยประมาณ 15%
นอกจากนี้ยังมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนติดกับจีน ทำให้ระยะเวลาขนส่งสั้นกว่า สามารถรักษาความสดใหม่ของผลไม้ได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างชัดเจน
เพื่อตอบสนองต่อข้อกำหนดทางเทคนิคที่เข้มงวดขึ้นของจีน อันจะส่งผลให้สามารถขยายการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น ผู้ประกอบการเวียดนามจึงเร่งยกระดับมาตรฐานการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การพัฒนาแหล่งปลูกให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน การลงทุนในเทคโนโลยีห้องเย็น (Cold Storage) และสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย รวมถึงการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ความพยายามดังกล่าวยังส่งผลให้เวียดนามประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดประเทศที่มีมาตรฐานสูงอย่างญี่ปุ่น แคนาดา และฮ่องกง โดยมีการเติบโตเป็นเลขสองหลัก สะท้อนให้เห็นว่าทุเรียนเวียดนามไม่ได้มีดีแค่ราคา แต่ยังมีคุณภาพที่เป็นยอมรับทั่วโลกอีกด้วย
จากทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของทุเรียนเวียดนามเกิดจากการผสานจุดแข็งทางธรรมชาติเข้ากับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่รัฐบาลเองก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
แม้จะยังมีความท้าทายด้านมาตรการทางการค้าอยู่บ้าง แต่ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ทุเรียนไม่ได้เป็นเพียงพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จที่นำพาผลิตภัณฑ์เกษตรชนิดอื่นๆ ของเวียดนามให้เติบโตในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2025 มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้รวมของเวียดนามอยู่ที่ 7,090 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 222,000 ล้านบาท) ซึ่งมีกล้วย มะพร้าว แก้วมังกร และมะม่วง เป็นผลไม้ที่ทำมูลค่าสูงสุดในอันดับที่ 2-5 รองจากทุเรียน โดยมีจีน สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ เป็น 3 ตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด / vietnamnews
