Amazon รวยต่อไม่รอแล้วนะ วิเคราะห์เครื่องผลิตเงินของ Jeff Bezos หลังโควิดซา
ท่ามกลางการขบโจทย์ยุค New Normal ให้แตกของบริษัททั่วโลกว่าจะเดินต่อไปอย่างไร หลัง “วิกฤตโควิด” ซา Amazon เป็นบริษัทส่วนน้อยที่โชคเข้าข้าง เพราะสถานการณ์ดังกล่าวกลายเป็นปัจจัยบวกกระตุ้นการเติบโต ยืนยันได้จากยอดช้อปออนไลน์ที่บูมต่อไม่หยุด จนต้อง “อัป’เวล” ให้คนนับแสนเป็นพนักงานประจำเพื่อช่วยเรื่อง Logistic และส่งสินค้า
ช่วงขาขึ้นของAmazon ที่สวนกระแสปิดกิจการ ล้มละลาย และเลิกจ้างของบริษัททั่วโลก ไม่ได้มาจากยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเท่านั้น เพราะ Amazon ภายใต้การกุมบังเหียนของ Jeff Bezos ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ “กินรวบ” แบบเงียบ ๆ มาตั้งแต่สถานการณ์ระบาดยังรุนแรงและมีแนวโน้มโตได้อีก
อเมริกันชนเรือนแสนได้งานทำต่อ รับยอดช้อปAmazon ที่ยังบูม
ข่าวร้ายล่าสุดจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ระหว่าง 21 ถึง 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีคนตกงานมากถึง 1 ล้านคน ดันจำนวนคนว่างงานทั่วสหรัฐฯ ปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกเลิกจ้างจากผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาด พุ่งสูงขึ้นเป็น 40 ล้านคน
แต่พนักงานใหม่ส่วนใหญ่ของAmazon ยังอุ่นใจได้ว่าตนจะไม่ได้เป็นหนึ่งในคนที่ตกงานในสัปดาห์หน้า เพราะAmazon เพิ่งประกาศบรรจุพนักงานราว 125,000 คน ที่รับเข้ามาทำงานช่วงสถานการณ์ระบาดยังรุนแรงเป็นพนักงานประจำ
จำนวนดังกล่าวคิดเป็น 70% ของพนักงานชั่วคราวที่รับเข้ามาช่วงสถานการณ์ระบาดยังรุนแรง โดยพนักงานAmazon กลุ่มนี้จะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป และได้ค่าจ้างชั่วโมงละ 15 เหรียญสหรัฐ (ราว 480 บาท) พร้อมสวัสดิการต่าง ๆ
Amazonเชื่อว่า นี่จะช่วยให้ชาวอเมริกันผ่านช่วงยากลำบากไปได้ และยังช่วยลดตัวเลขคนว่างงานในประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่สาขาของแบรนด์ค้าปลีกส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ต้องปิดและผู้บริโภคต้อง “อยู่ติดบ้าน” ตามนโยบายตัดวงจรการระบาดของรัฐบาล แต่Amazon ยังทำยอดขายได้ไม่หยุด เพราะชาวอเมริกันก็หันไปหาอีคอมเมิร์ซมากขึ้นเช่นเดียวกับคนทั่วโลก เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางการซื้อสินค้าที่ปลอดภัยสุด
สถานการณ์ดังกล่าวเข้าทางAmazon เต็ม ๆ เพราะมีสินค้าอยู่ในแพลตฟอร์มมากมาย โดย Amazon ทำเงินได้อีกก้อนใหญ่ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด จนต้องจ้างพนักงานชั่วคราวกระจายไปตามคลังสินค้าในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 175,000 คน เพื่อบรรจุสินค้าลงกล่องให้เร็วและมากขึ้น ตามยอดขายในไตรมาสแรกปีนี้ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26%
ตรงกันข้ามกับแบรนด์ค้าปลีกและแฟชั่นใหญ่ ๆ ในสหรัฐฯ อย่าง JC Penney, Neiman Marcus และ J. Crew ที่ผลกระทบจากวิกฤตการระบาดทำให้ขาดทุนครั้งใหญ่ ต้องเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และจำเป็นต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย จนกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความสั่นเทือนในแวดวงธุรกิจ
ช่วงขาขึ้นของAmazon ยังไม่หยุดยั้งแค่นั้น เพราะAmazon มีของสดจำนวนมากของ Whole Food Market แบรนด์ค้าปลีกของสดในเครือ ไว้รอชาวอเมริกันที่อยากออกมาซื้อผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ไปทำกินหลังออกจากมาตรการ Lockdown ส่วนอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านซึ่งเป็นที่ต้องการหลัง Lockdown ก็มีพร้อมรอไว้ให้ช้อปออนไลน์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูการรับมือการทำงานยุค New Normal ของAmazon เพราะคลังสินค้าของAmazon มีพนักงานอยู่เป็นจำนวนมาก
และช่วงสถานการณ์ระบาดรุนแรง มีพนักงานAmazon เฉพาะในสหรัฐฯ ติดเชื้อมากถึง 800 คน จนพนักงานกลุ่มที่ทนไม่ได้ออกมาเปิดโปงว่าต้องทำงานในสภาพที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ นำมาสู่การนัดประท้วงหยุดงานมาแล้ว
เปิดคลัง “เครื่องปั๊มเงิน” ของ Amazon ช่วงวิกฤตโควิด
ทั่วโลกต่างทราบว่าAmazon เริ่มจากการเป็นร้านหนังสือออนไลน์และขยับขยายจนกลายเป็นยักษ์อีคอมเมิร์ซฝั่งอเมริกัน แต่ความจริงแล้วสินค้าและบริการใต้ชายคาAmazon ยังมีอีกมากมาย
จนทำให้อาณาจักรธุรกิจของ Jeff Bezos แห่งนี้ขยายพื้นที่และมีของขายมากมาย สอดคล้องกับชื่อที่มีทั้งตัวอักษร A กับ Z เพื่อสื่อถึงความหลากหลาย ไม่ต่างจากป่าAmazon ตรงตามความตั้งใจของ Jeff Bezos
Jeff Bezos
ธุรกิจที่ทำให้Amazon รวยเงียบแล้วยังกินรวบ ช่วงวิกฤตไวรัส คือ AWC บริษัทเก็บข้อมูลและประมวลผลผ่านระบบ Cloud เพราะกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ได้อานิสงส์จากการหากิจกรรมทำแก้เบื่อติดช่วงต้องอยู่บ้านของคนส่วนใหญ่ (Stay at home) อย่าง Netflix และ Zoom ต่างก็ใช้บริการ AWC
ดังนั้น ยอดผู้ใช้และการจราจรทางข้อมูล (Traffic) ที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาดังกล่าว จึงหมายถึงเงินก้อนใหญ่ที่Amazon ได้เพิ่มเข้ามาเช่นกัน
บริษัทในเครืออีกแห่งที่ “ปั๊มเงิน” ให้ Amazon แต่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป คือ Twitch – แพลตฟอร์ม Livestream เกมชื่อดังที่ทั้งยอด Gamer ที่มาเล่นเกมแบบสด ๆ ให้ดู และผู้ชม เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพราะเป็นกิจกรรมแก้เบื่อที่คนรุ่นใหม่นิยมกันมากช่วง Lockdown นอกเหนือไปจากการดูหนังและ Series
Amazonยังทำเงินได้อีกไม่น้อยจากการอยู่ “รอบตัว” ชาวอเมริกัน เพราะมี Echo ลำโพงติดตั้ง AI เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสั่งการด้วยเสียง มีAmazon Prime เป็นแพลตฟอร์ม Streaming media, Smartphone และ Tablet ภายใต้แบรนด์ Fire และเครื่องอ่าน e-Book ในชื่อ Kindle รวมไปถึง IMDb เว็บไซต์รีวิวหนังชื่อดัง
ทว่า ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ โดยแม้เม็ดเงินจากบริษัทในเครือทั้งหมด ทำให้Amazon เป็นหนึ่งในหุ้น FAANG ที่ประกอบไปด้วย 4 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ คือ Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google ซึ่งราคากลับเพิ่มมากขึ้นเป็นทรงตัว V แบบสูงสุดทำสถิติใหม่ และสร้างความมั่งคั่งให้ Jeff Bezos อีกมหาศาล
แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ จับตามองAmazon เรื่องการมีอำนาจเหนือตลาดอีคอมเมิร์ซ การผูกขาด และการมีอิทธิพลต่อชีวิตชาวอเมริกันมากเกินไป/cnn, reuters
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ